ชื่อจริง.....ด.ช. ฐากูร บุญมา
ชื่อเล่น.... ลูกหนู
วันเกิด..... 15 มิถุนายน 2531
น้ำหนักแรกเกิด 3500 กรัม
ส่วนสูงแรกเกิด 51 เซ็นติเมตร
ลูก...เป็นความสุขที่เกิดขึ้นหลังจากคน 2 คนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นคนที่เท่าไหร่......
ลูกหนูเป็นลูกคนแรก ฉะนั้นไม่ต้องบอกถึงความตื่นเต้น....
เมื่อรู้ว่าแม่มีเด็กคนนึงดิ้นอยู่ในท้อง...มันเป็นความมหัศจรรย์จริงๆ
แม่รอเวลาที่จะได้เห็นหน้าลูก....
....................................................
เมื่อเห็นหน้าลูกครั้งแรก...แม่คิดแค่ว่า...ลูกต้องเป็นคนดี
ลูกแม่ต้องน่ารัก..ลูกแม่ต้องเก่ง..อิอิ ความหวังขั้นพื้นฐาน
ที่ไม่ว่าใครก็ต้องคิดอย่างนั้น
แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่แม่คิดไว้...
ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ลูกไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง....
เมื่อยามเป็นทารก...ลูกแม่กินนมเก่ง...เลยอ้วนท้วนสมบูรณ์
ถึงขนาดน้ำหนักทะลุกราฟ จนต้องปรึกษาคุณหมอ...
แต่หมอก็บอกว่าไม่ต้องตกใจ เพราะกินนมแม่ไม่เป็นโรคอ้วนแน่ๆ 5555+
ลูกก็เลยได้กินอย่างอิ่มหมีพีมันต่อไป....
พัฒนาการของลูกหนูมีอย่างต่อเนื่องตามวัยอย่างถูกต้อง
แม่ไม่ต้องเปิดตำราใดๆ ทั้งสิ้น เพราะย่าของลูกใช้ตำราแบบโบราณตลอด
สิ่งเดียวที่แม่ไม่เคยห่วงเลย คือลูกมีสุขภาพที่ดีมาก...
ยามศึกษาเล่าเรียน แม้ลูกแม่จะเรียนไม่เก่ง..แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แม่ซีเรียส
เพราะแม่ไม่เคยคิดว่า การเรียนเก่งจะทำให้ดำเนินชีวิตประสบผลสำเร็จเสมอไป
แม่พบสิ่งหนึ่งที่ลูกมีในตัว คือ..ลูกเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก
ไม่ว่าจะเป็นใครลูกสามารถพูดคุยและทำให้คนรักลูกแม่ได้อย่างไม่ยาก
ลูกชอบทำกิจกรรมมากกว่าการอ่านหนังสือ
แม่จึงคิดที่จะส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรม...
เมื่อลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนราชวินิตประถม...
สิ่งแรกที่แม่ได้รับรู้คือ โรงเรียนนี้มีการสอนนาฏศิลป์ แต่ลูกเป็นชาย
แม่จึงให้เรียนโขน..น่าจะดีสำหรับลูก เพราะอย่างน้อยก็คงเป็นกิจกรรม
ยามศึกษาเล่าเรียนที่ลูกจะได้ทำนอกเหนือจากหนังสือที่ลูกไม่ค่อยจะชอบมันนัก 555+
แม่ภูมิใจนะที่ลูกได้แต่งชุดโขน เพื่อไปแสดงกับโรงเรียนตามที่ต่างๆ
เมื่อยามว่างและมีวันหยุด...แม่ก็พาลูกไปเที่ยวพร้อมกับน้องชายตัวน้อย
เมื่อลูกเข้าโรงภาพยนตร์ครั้งแรก ลูกตลกมากรู้ไม๊..
แม่พาไปดู จูลาสสิคพาร์ก ภาคแรก...ลูกนั่งอยู่บนตักแม่
ตอนนั้นลูกหนูเพิ่ง 5 ขวบ ฉากแรกๆ ที่ลูกทำให้แม่และคนข้างเคียงขำมากคือ
ฉากที่เค้าให้อาหารไดโนเสาร์ที่มองไม่เห็นตัว มีแต่เสียงที่ดังและน่ากลัว
ลูกมีเสียงสั่นเครือและหันมาถามแม่ว่า...เมื่อไหร่จากลับบ้านอ่ะ...
เล่นเอาคนนั่งข้างๆ ขำทีเดียว...แต่หลังจากนั้นไม่นาน ลูกก็สนุกกับ
เจ้าไดโนเสาร์หลายๆ พันธุ์ ที่โลดแล่นอยู่ข้างหน้า....ลูกจะจำได้ไม๊น๊า....
หลายๆ สถานที่ที่ไม่ได้พาไป ลูกดูตื่นเต้นและอยากรู้ไปทุกอย่าง
ทำให้รู้ว่าที่จริงลูกแม่ก็เป็นคนฉลาดนะเนี่ย รู้จักสังเกตุ และใฝ่รู้
เนื่องจากพ่อของลูกเป็นทหาร และบางครั้งเราจึงต้องไปค่ายทหารกัน
พ่อจึงมักจะพาไปดูการซ้อมของทหารแล้ววันที่ลูกรอคอยก็มาถึง
เมื่อโตพอที่จะถือปืนซ้อมได้ พ่อก็ไม่รีรอที่จะให้ลูกได้ลองถือและยิงมัน
ลูกสนุกกับมันอย่างที่สุด หลายๆ ครั้งที่มีวันหยุดลูกจะขอให้แม่พาไป...
หาพ่อนะแม่ 5555555+ แม้ว่ารู้ว่าวันศุกร์พ่อก็จะกลับ แต่ลูกก็จะไปหาพ่อที่ค่ายทหาร
อยากไปวิ่งเล่นใช่ไม๊ล่ะ...แต่ไม่เป็นไร แม่พาไปได้ ...
"พ่อ..ไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯ นะ เพราะแม่จะไปหาเอง"
สิ่งที่เป็นผลพลอยได้ทุกครั้งคือ ขนมหม้อแกงเมืองเพชรที่ทำให้ลูกและแม่อ้วนขึ้น..อิอิ
เวลาผ่านไป..ไวเหมือนโกหก...วิถีชีวิตเราต้องห่างกัน เมื่อแม่ไปอยู่ต่างประเทศ
ครั้งแรกที่กลับบ้านเมื่อผ่านไปได้ 2 ปี ลูกชายแม่โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทุกๆ ครั้งที่แม่กลับบ้านลูกชายทั้ง 2 เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม่ภูมิใจมากรู้มั้ยลูก
ตอนที่ลูกเปลี่ยนแปลงมากคือ เมื่อครั้งที่แม่กลับบ้านตอนลูกอายุ 18
ลูกไปรับแม่ที่สนามบิน แม้จนลูกมาถึงตัวและกอดแม่
แม่ยังจำลูกไม่ได้เลย 555555555+
ทำไมใบหน้ากลมๆ ของลูกหายไปไหนเนี่ย...
ลูกกลายเป็นชายหนุ่ม ไม่ใช่เจ้าตัวกลมๆ ของแม่ซะแล้ว แค่ปีเดียว
เปลี่ยนจากเด็กชาย กลายเป็นหนุ่มน้อยวัยต้นๆ ...เฮ้อ...
อีกไม่นานแม่คงต้องมีสถานะเป็น ย่า แน่ๆ 555+
แล้ววันที่ลูกบอกแม่ว่า ...แม่หนูจะบวชนะ...
โอ..สมัยนี้ยังมีเด็กชายคิดจะบวชด้วยหรอ..
เอาละเมื่อลูกจะบวชแม่ก็ดีใจ...มันเป็นกุศลของลูกเอง
แม่ก็ยินดีและอนุโมทนานะลูก....
ชีวิตลูกที่ผ่านมาจากวัยเยาว์ จนมาเป็นชายหนุ่ม...
ถือว่า 21 ปีที่ผ่านมาลูกเป็นคนเต็มคนแล้วนะลูก
ต่อไป...คือวิถีชีวิตที่ลูกต้องเลือกเดิน
แม่จะคอยติดตาม เป็นกำลังใจให้
อย่าลืมว่า ลูกจะมีแม่อยู่เบื้องหลัง และ เป็นคนที่รักลูกตลอดไปนะจ๊ะ