21.5.09

พ่อ...ผู้จากไป...





















พ่อ...เปรียบ พระ ในบ้านอันร่มรื่น
พ่อ...เปรียบ ผืนแผ่นน้ำอันสดใส
พ่อ...เปรียบเช่นดวงตะวันสาดแสงไกล
พ่อผู้ให้ทุกสิ่งเป็นตัว...เรา...
ถึงวันนี้พ่อเหนื่อยและเมื่อยล้า
ได้เวลานิทราลูกจะเฝ้า
เดินตามรอยพ่อสอนแต่วัยเยาว์
แม้แสนเศร้า..แต่...รักพ่อ...สุดดวงใจ


ลูกชิด...



















.......................................

21 มกรา..11.00 น. เป็นเมืองไทยก็ 6 โมงเย็น ได้โทร.ไปสอบถามอาการพ่อ
หลังจากที่ได้คุยติดต่อกันมา 2 วันเนื่องจากพ่อ ไม่ยอมกินอะไรเลย....
หลานสาวบอกว่า "ตาไปแล้วเมื่อกี้" .... เป็นประโยคสั้นๆ ที่ทำให้น้ำตาไหล
โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่คิดว่าจะเร็ว ยังสั่งให้พี่ต๋อยเข้ากรุงเทพฯ มาดูแลในตอนเช้า
แต่ตกเย็นพ่อก็จากไปอย่างสงบ...
ลูกหว้า..หลานรักเล่าให้ฟังว่า พ่อยอมกินข้าวเย็น ซึ่งทำให้ทุกคนในบ้านสบายใจ
หลังจากนั้นก็นอนหลับไปกับเก้าอี้นอนตัวประจำ พอได้เวลาเข้านอนพี่ติ๋วก็ปลุก
เพื่อจะพาไปอาบน้ำ...แต่...พ่อก็ไม่ยอมลืมตาพร้อมกับลมหายใจที่ไม่รินไหลออก
จากร่างกายเช่นกัน...

ทุกคนเศร้าโศก...นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนที่มีความผูกพันกัน แม้จะไม่ใช่
สายเลือด หากแต่ถ้าร่วมอยู่ในวงจรชีวิตแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้นหรือยาวนานก็ตาม

แต่สำหรับลูกคนหนึ่ง ....
คำว่า เศร้า..คงไม่สามารถคลอบคลุมความรู้สึกที่มีต่อ....พ่อ..ได้
เรายินดีที่ได้ยินว่าพ่อจากไปอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมาน คงเป็นเพราะพ่อเป็นคนดี
เราเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ปรนนิบัติพ่อในช่วงสุดท้ายของชีวิต
..................
ในชีวิตตั้งแต่จำความได้...
ครอบครัวไม่ใช่มีแค่ พ่อ..แม่..และลูกสาวทั้งสาม
พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีพี่น้องของภรรยามีส่วนร่วมในครอบครัวด้วย..
นี่คือครอบครัวแบบไทย...เป็นครอบครัวใหญ่..อบอุ่น มีพี่..มีน้อง..มีความเอื้ออาทร
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน....
พ่อทำงานหนัก..แต่รายได้ทั้งหมดของพ่อ..มีแม่เป็นผู้ดูแล
พ่อเหมือนนกที่ออกไปหากินเพื่อทำรังให้ลูกอยู่อย่างมีความสุข
พ่อรักต้นไม้...นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นได้รับรู้จากบริเวณบ้านที่เขียวขจี
แม่เคยบอกว่าในพี่น้อง 3 คน เราจะได้นิสัยพ่อมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคนเรื่องมาก
ละเอียดถี่ถ้วนกับการทำอะไรสักอย่าง รักต้นไม้ พ่อคงฝันอยากทำสวน เพราะเมื่อ
มีโอกาสได้ซื้อผืนนาเล็กๆ ที่ดอนตูม จ.นครปฐม พ่อก็ไม่รอช้าที่จะย้ายไป
ปลูกกระต๊อบเล็กๆ เพื่อปรับที่ทาง ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกต้นไม้
พ่อกำลังจะสร้างรังอีกรัง...แต่คงเป็นรังที่พ่อรัก เพราะเวลานั้น พ่อไม่มีภาระ
ที่จะต้องหาเงินเพื่อเลี้ยงลูกๆ อีก พ่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการปลูกต้นไม้
ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มะพร้าวน้ำหอม และพืชล้มลุกอื่นๆ แต่พ่อก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง
พ่อปลูกต้นไม้เพื่อลูกหลาน....เพราะไม่ว่าเวลาใดที่เราไปหาพ่อ...
ไม่มีสักครั้งที่จะไม่มีผลผลิตของพ่อกลับบ้าน...
ถ้าไม่มีแม้แต่กล้วยสักเครือ พ่อก็ยังมีกระเพรา พริก มะอึก มะเขือ และที่
เราไม่คาดคิด พ่อทำไม้กวาดทางมะพร้าวให้ลูกใช้....
" ก็ต้นมะพร้าวมันเยอะ " นี่คือคำพูดของพ่อที่บอกกับเรา
แม้แต่เมื่อพ่อแก่มากแล้ว พวกเราให้พ่อกลับมาอยู่กรุงเทพฯ..แต่พ่อก็ยังไม่
เคยหยุดนิ่ง พ่อตกแต่งต้นไม้ที่บ้าน ทำความสะอาดบริเวณบ้าน

" บ้าน " รังน้อยๆ ที่พ่อทำให้พวกเรา เฉพาะตัวบ้านกินเนื้อที่ถึง 35 ตรว.
เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ที่พื้นบ้านชั้นบนเป็นไม้สักแผ่นใหญ่ๆ
แม้จะกินเวลามาถึงวันนี้เกือบ 60 ปี บ้านได้เปลี่ยนรูปทรงไปบ้าง
มันก็ยังเป็นบ้านที่พ่อให้พวกเราไว้...
สมัยเด็กๆ ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก เราจะได้ใกล้ชิดพ่อมาก
ได้เล่น ได้พูดคุยใกล้ชิด แม้กระทั่งเติบใหญ่ เราก็ยังคงได้เล่น
ได้ใกล้ชิดพ่อกว่าพี่ๆ ได้พาพ่อไปเที่ยวทะเล ได้มีโอกาสทำให้พ่อมีความสุข
ถึงเวลานี้ไม่เคยเสียใจ..ไม่เคยผิดหวัง เพราะ..เราได้ใช้เวลาและโอกาส
ที่แม้จะไม่เต็มร้อย แต่เต็มใจให้กับพ่อของเรา
วันนี้แม้จะไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิดพ่อในยามลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
พ่อคงจะรู้ได้ว่า พ่อจะอยู่ในใจและในความรู้สึกของลูกคนนี้ตลอดเวลา


วันที่เห็นหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย....
ลูกภาวนาและขอบุญกุศลทั้งหมดที่ได้ทำในชีวิต...
อุทิศให้แก่พ่อผู้จากไป.....ให้พ่อได้อยู่ในภพภูมิที่มีความสุขสงบด้วยเทอญ....















































































...........................
แสงอาทิตย์สุดท้ายปลายขอบฟ้า
จะลับลาหลีกหายคล้ายกับฝัน
ช่างทอแสงแดงหม่นก่อนจากกัน
คล้ายบอกวันนี้ลาพาเศร้าใจ
แล้วกลับฟื้นคืนใหม่ในวันรุ่ง
ทอแสงรุ้งสลับสายลายเมฆใส
บางครั้งมีลมฝนชื่นฉ่ำใจ
วนเวียนไปทุกวันไม่เว้นวาย
เฉกเช่นแสงรังสีแห่งมนุษย์
เมื่อถึงจุดสุดท้ายแห่งแสงฉาย
เหลือไว้เพียงความดีประดับกาย
ฉากสุดท้ายให้นึกถึงก่อนขึ้นเมรุ
หากมีดีมากมายกว่าร้ายชั่ว
ทุกคนทั่วเขตคามต่างแลเห็น
ประพฤติตามรอยดีไม่ลำเค็ญ
เหมือนกับเป็นลมฝนชะโลมใจ......

No comments: