10.7.08

ตามล่าหาพระอาทิตย์เที่ยงคืน

ช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี เค้าว่ากันว่าเป็นช่วงที่เราจะสามารถเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ดีที่สุด
แต่ไม่ใช่ใน Reykjavik แน่ๆ... แต่เราก็ได้ภาพแสงสว่างของช่วงเที่ยงคืนได้ในเมืองหลวง
และนี่คือแรงบันดาลใจว่าเราจะต้องตามล่าซักวันก่อนจะพ้นเดือนมิถุนานี้แหละ...




เมื่อได้ภาพในเมืองมาแล้ว..ในที่สุดเราตัดสินใจในวันเกือบสุดท้ายของเดือน
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการทำงานเอาเกือบสี่ทุ่ม เราก็ตัดสินใจว่าวันนี้แหละ...
เราจะตามล่าหาพระอาทิตย์เที่ยงคืน ..
แล้วจะไปไหนดีล่ะ...การจะดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนก็ต้องทางตะวันตกเนอะ
งั้นไปกันเลยเพราะมีเวลาในการขับรถแค่ 2 ชั่วโมง การจะขึ้นถึงเหนือเราจะต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง
เวลามีแค่นี้เราต้องไปทางตะวันตกเท่านั้นที่ใกล้ที่สุด ปะ..ไปด้วยกัน


เราต้องเป็นไกรทองสมัยใหม่ เบิกทะเลเพื่อย่นระยะทาง..อิอิ
อุโมงค์นี้มุดลงใต้ทะเล ระยะทาง 5 กิโลเมตรกว่าๆ (เท่าไหร่ก็ไม่รู้ อิอิ)
ค่าผ่านทางสำหรับรถเล็กๆ อย่างเราก็ 800 โคลนู เท่านั้น แต่ย่นระยะทางได้เยอะมาก


เราเริ่มเก็บภาพเมื่อ 4ทุ่มกว่าๆ แต่ภาพที่ชอบมากคือ ภาพเมฆที่กระจายเหนือยอดเขาลูกนี้
ตลอดเวลาการเดินทางภาพของท้องฟ้าด้านหน้าจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แต่...เราเริ่มรับรู้สิ่งหนึ่งว่าท้องฟ้าที่เห็นเต็มไปด้วยเมฆหนา...
แล้วเราจะมีโอกาสจะเห็นพระอาทิตย์ตอนเที่ยงคืนไม๊เนี่ย..
เพราะคุณเมฆเหล่านี้เธอจะบดบังดวงอาทิตย์ที่เรากำลังตามล่าหาความสวยงามยามเที่ยงคืนซะเท่านั้น...
เรากำลังถึงที่หมายปลายทางแต่...คงต้องขับขึ้นหาที่สูงเผื่อบริเวณนั้นไม่มีเมฆเราคงได้พบเธอ...



ในที่สุดความหวังอันเลือนลางของเราก็หมดลง..เพราะสายฝนที่พรำลงมาคือเครื่องชี้ชะตาว่า...
จบกัน...5555
เราก็เลยต้องหยุดรถและบรรทึกภาพเมื่อเที่ยงคืนว่า...เรายอมจำนนต่อความผิดหวังในวันนี้..
ไม่เป็นไร โอกาสนั้นคงมาถึงเราสักวัน..






28.5.08

สองสาวชวนกันเที่ยว...1

หลังจากคร่ำเครียดกับการทำงานที่ยาวนานนับจากเดือน ม.ค ที่ผ่านมา
เราก็ได้เวลาที่จะต้องละสายตาจากกระทะและชีวิตคนเมืองสักเล็กน้อย
โดยการขอเปลี่ยนเวรวันหยุดกะนายบุ๊คสุดหล่อ..พ่อครัวข้างเตา..อิอิ
ซึ่งมันหมายถึงการทำงานยาวนานในวันอาทิตย์หน้าโดยเราไม่ได้หยุดเลยสักวัน
แต่ก็น่าจะคุ้มค่ากับการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เพราะเราจะออกนอกเมืองไปกับ..น้องปอ..
ว่าแล้วเราก็จัดการไปเช็ครถ..เติมน้ำมัน..หาอาหารรับประทาน..ซึ่งภาระกิจทั้งหมด..
สำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อ 4 โมงเย็นพอดิบพอดี...5555
ปะ..ไปขึ้นรถ..น้องปอ...ของน้า....


พาหนะของเราคือรถโฟล์คจ้ะ...ไม่ใช่เจ้าโตโยต้าตัวเล็กของเรา อิอิ..คนมีรถเยอะก็ดีอย่างนี้แหละ..
เราจะเดินทางในเส้นทาง Golden Circle หมายถึงเส้นทางสำหรับนักเดินทางที่เข้ามาไอซ์แลนด์ต้องไปชม
แต่ว่าเราจะไปกันแค่ 2 คนเท่านั้น ...อิจฉากันไม๊...

เทือกเข้าด้านหน้าคือเขาที่เราต้องผ่านมันให้ได้..อิอิ ก็แค่ผ่านเมืองระริกระรี้ที่เราเคยผ่านลงใต้นั่นเอง
แหม..ทำเป็นจำไม่ได้ 5555


หลังจากผ่านเทือกเขาสูงและเมืองระริกระรี้ได้นิดหน่อย..เราก็ต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อ...เพื่อ...
ไปเที่ยวไง...อิอิ..แต่เอ๊ะทำไมเค้าเลี้ยวกันตรงนี้ล่ะ ไหน..ไหน..ความอยากรู้อยากเห็น..
ก่อตัวอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจเลี้ยวตาม..แหม..ไม่เสียเที่ยว..จำได้แระ 555+
ก็หลุมอุกาบาต...เอ้ย..ไม่ใช่ๆๆ มันเป็นปล่องภูเขาไฟเก่าแก่ที่เคยพ่นลาวาละเลงไว้ซะเต็มพื้นที่บริเวณนี้ไงล่ะ
ปัจจุบันมันเป็นที่ขังน้ำให้เราดูและมายืนอยู่ปากหลุมให้เสียวๆ เล่น อิอิ
แต่..ขอเต๊ะท่าถ่ายรูปซะหน่อยดีกว่า 5555

หลังจากพักเมื่อยไปประมาณ 7 นาที เราก็เดินทางต่อเพราะยังไม่ถึงจุดหมายแรกเลย
นี่เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น อิอิ
ในที่สุด...จ้ะ..ในที่สุดเราก็เจอะเจอแล้ว ...น้ำพุร้อนกีเซอร์...
ความจริงบ่อที่น้ำพุ พุ่งมาอวดทรวดทรงองค์เอวในปัจจุบันเป็นบ่อที่ 2
บ่อแรกอยู่ใกล้ๆ กันแต่เผอิญเธออายุเข้าสู่วัยชราภาพ เนื่องจากอยู่บนเวทีมานานแระ
ก็เลยกลายเป็นตำนาน ปล่อยให้บ่อรุ่นใหม่ขึ้นมาอวดโฉมแทน...
ว่ากันว่าบ่อแรกเธอร้อนแรงกว่าบ่อนี้มากมายนัก ความแรงและทรวดทรงทั้งสูงและอวบกว่า 555+
มาชมเธอแล้วกัน...สวยสมกับการเดินทางจริงๆ แม้ว่าจะเคยมาแล้วหลายครั้ง
แต่คราวนี้ทอดระยะยาวนาน จนเราก็รู้สึกเหมือนการมาครั้งแรกเลย อิอิ
ให้ลูกน้องโผล่มาเต้นรำโชว์ซะ 1 รอบ


และแล้วก็ถึงเวลาของเธอ..ทรวดทรงองค์เอวสมกับเป็นวัยสาวจริงๆ สูงโปร่งและพริ้วบาง
เธอเฉิดฉายมา 2 รอบติดๆ กัน โอว..แม่เจ้าช่างใจดีเช่นนี้ อิอิ



แล้วเราก็มาชมว่าเธอสามารถขึ้นมาโชว์โฉมอันพริ้วสวยได้อย่างไร...5555+ (จะรู้เรื่องไม๊เนี่ย)


การนำเสนอเรื่องน้ำพุตอนนี้เห็นทีจะพอก่อนเพราะเราจะต้องเดินทางต่อจ้ะ ตอนนี้ก็ 5 โมงกว่าๆ แระเดี๋ยวต้องไปอีก 2 ที่เชียวนะ..

สองสาวชวนกันเที่ยว...2

ออกมาจากน้ำพุร้อน เราก็จะเดินทางต่อเนื่องไปที่น้ำตก..มีป้ายบอกว่าเดินทางไปอีก 10 กิโลเมตร...
5555 แป๊ปเดียวเอง Gullfoss ก็เห็นเป็นเงารำไรๆ อยู่ข้างหน้า...
Gull แปลว่า ทอง foss แปลว่าน้ำตก พวกเราเลยเรียกว่าน้ำตกสีทอง..อิอิ
ไปดูกันใกล้ๆ ดีกว่าไม๊...






ก่อนจะไปน้ำตกเราก็แวะถ่ายรูปแผนที่ ที่เค้าจะบอกว่าทางข้างหน้ามีที่เที่ยวอะไรแนะนำกันบ้าง ...
ไม่แน่นะเนี่ย...ซัมเมอร์ปีนี้ไม่ไปไทยเราก็วนเวียนชีวิตบนเกาะเล็กๆ น่ารักๆ แห่งนี้ก็ได้




อย่าใจร้อน...เดี๋ยวได้ชมน้ำตกที่นักเดินทางทุกคนต้องพบกับมัน...
ใครมาไอซ์แลนด์แล้วไม่ได้ภาพน้ำตกสีทองกลับไปก็เหมือนไม่ได้มา 555 (ว่าเข้านั่น)
หลังจากวกรถลงจอดด้านล่าง..ก็คนมันฉลาดเนอะ..ถ้าจอดรถด้านบนเราก็ต้องเดินลงบันไดอันสูงชัน ไอ้ตอนลงน่ะไม่เท่าไหร่หร๊อก..แต่ไอ้ตอนขึ้นนี่จิ..ไม่อยากคิดว่าเราจะได้เดินทางไปที่อื่นต่อหรือเปล่า อย่ากระนั้นเลย...เรารู้นี่ว่ามีที่จอดรถที่ไม่ต้องอาศัยความสูง อิอิ
หลังจากจดรถและเปลี่ยนเสื้อคลุมตัวใหม่ไฉไลกว่าเก่า...555
ก็แหม..เรารู้อีกนั่นแหละว่าการจะชมน้ำตกแบบใกล้ๆ ต้องใช้อะไรบ้าง ...
ไปกันเดี๋ยวจะเฉลยให้ฟัง....
อุ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอทักทายเจ้าของสถานที่ก่อน..เค้าอยู่เฝ้าตรงนี้มานานแระ..5555




ไปชมความงามของน้ำตกกันดีกว่า...น้ำตกสายนี้เกิดจากการละลายตัวของการ์เซียร์ (ภูเขาน้ำแข็ง)
และน้ำจากทะเลสาบน้ำจืด รวมตัวกัน ฉะนั้นน้ำที่น้ำตกแห่งนี้จะไม่ขุ่นเป็นดินโคลนเหมือนกับ Dettifoss
น้ำตกทางเหนือที่เกิดจากการละลายของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น...
เราเคยมาในหน้าหนาวอยู่ครั้งนึง....ซึ่งในครั้งนั้นมีสารถีขับรถพามาชมความงามในยามหนาว..
แต่ขอบอกว่า..ทั้งการเดินทาง และการชม..มันทรมานสุดๆ ..
เพราะอะไรน่ะรึ....ถนนก็จะเต็มไปด้วยหิมะ มันลำบากกับการขับขี่ถ้าคนไม่ชำนาญ
แล้วก็ควรเป็นรถที่ขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น พอมาถึงเราก็ต้องผจญกับความหนาว
เพราะไม่สามารถจะมองจากบริเวณที่จอดรถได้ ก็ต้องลงแล้วเดินไป...
หน้าหนาวบริเวณน้ำตกที่อุณหภูมิติดลบ...คิดดูว่าคนเมืองร้อนอย่างเราๆ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ..5555
แค่วิ่งลงไปถ่ายรูปแล้วก็วิ่งขี้นรถรับไออุ่นของฮีตเตอร์ในรถก็นับว่าเก่งแระ
แต่ขอบอกว่าน้ำตกที่เราเห็นในตอนนี้กับช่วงหน้าหนาวไม่เหมือนกันนะจ๊ะ
เพราะเราจะเห็นน้ำตกที่ไม่ไหล...อิอิ ก็น้ำที่เห็นตกเป็นสายมันกลายเป็นน้ำแข็งหมดแลย
จะมีแต่ด้านในที่ยังรินไหลอยู่นิดหน่อยเหมือนน้ำตกหน้าแล้งบ้านเรา
ไหลกระซิกๆ เหมือนคนร้องไห้... ว่าแล้วไปดูความเข้มแข็งของเค้ากันดีกว่า





หลังจากเข้าไปชมคุณท่านใกล้ๆ แล้วสภาพของเราก็เหมือนไปเดินตากฝนมาอย่างที่เห็น
นี่คือสาเหตุว่าทำไมอิฉันต้องเปลี่ยนเสื้อคลุม เพราะจะต้องใช้เสื้อที่กันน้ำได้ด้วย ...
มิฉะนั้นเปียกค่ะ เพราะความแรงของสายน้ำตกที่ลงไปกระแทกเบื้องล่างมันรุนแรงจนเป็นละอองน้ำพวยพุ่งกลับขึ้นมาคล้ายสายฝนตลอดเวลา
เราก็เลยเปียกปอนอย่างที่เห็น อิอิ



เสร็จภารกิจการเยี่ยมเยือนพระเดชพระคุณท่านก็เย็นย่ำ..ถ้าเป็นบ้านเราแดดผีตากผ้าอ้อมคงมาเยือน เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไป 6 โมงกว่าๆ แระ
แต่สำหรับที่นี่ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน...ยังสว่างพอที่เราจะไปเที่ยวกันต่อ...
เราจะเดินทางไป..ไป..ทะเลสาบมรณะ เอ้ย..ทะเลสาบ Þingvellir ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์
ประวัติอันยาวนานของเค้าเราจะไปค้นหามาเล่าให้ฟังภายหลังแล้วกัน อิอิ
วันนี้ขี้เกียจ 5555 รู้แต่ว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่ประชุมรัฐสภาในสมัยก่อนเท่านั้นเอง อิอิ
คนไทยเรามักจะมาเที่ยวที่นี่กันเพราะว่า..อาหารค่ะ..อาหารที่เวียนว่ายอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้
นั่นคือปลานั่นเอง ปลาน้ำจืดที่หลังจากตกมาได้ บางคนได้มากก็จะเอามาตากแห้งทำปลาเค็มขายไปเลยก็มี
แต่ขอบอกว่าการจะมาตกปลามิใช่ว่ามาถึงก็เหวี่ยงเบ็ดนะคะ
ต้องเสียสตางค์เจ้าค่ะ วันนึงก็ประมาณ 500 บาทต่อคันเบ็ด 1 คัน
ส่วนเหยื่อก็จะเป็นเหยื่อปลอมที่นักตกปลาของเราบางคนก็มานั่งตกแต่งเอาเองเพื่อหลอกล่อบรรดาคุณปลาทั้งหลาย 5555
อิฉันได้อานิสสงฆ์จากคุณเพื่อนที่ชอบการตกปลาเป็นชีวิตจิตใจในทุกซัมเมอร์ แถมตัวใหญ่ๆ ด้วยนะคะ..อืมมมม..อร่อย



ที่นี่มีสถานที่นึงเป็นบ่อน้ำผุด...น้ำจะใสมากมาย บรรดานักท่องเที่ยวจะนิยมมาโยนเหรียญ
เพราะเชื่อกันว่าหากโยนเหรียญไว้เราจะได้กลับมาเยือนอีก...มิน่า..อิฉันได้กลับมาบ่อยเชียว...
เพราะโยนไว้ทีละหลายๆ เหรียญ อิอิ...แบบว่าติดสินบนด้วยไง


ตรงนี้จะเป็นโบสถ์ และ อาคารรัฐสภากลางแจ้ง ใครไปใครมาก็ต้องถ่ายภาพตรงนี้ไว้เป็นที่ระลีก..
ถือว่าติดไว้ก่อนแล้วกันสำหรับประวัติที่น่าสนใจของทะเลสาบแห่งนี้ รวบรวมได้จะมาเล่าสู่กันฟัง
ก็ไม่อยากให้ข้อมูลผิดๆ อย่างที่เราเจอมาบ่อยๆ น่ะซิ



เราทั้งขับรถทั้งเดินถ่ายรูปเล่นกันจนเกือบ 2 ทุ่ม...ถ้าเป็นบ้านเราเวลานี้คงมืดค่ำ พร้อมอันตรายรอบด้านในสถานที่เปลี่ยวเช่นนี้
แต่สำหรับที่นี่ ประเทศนี้...อิฉันว่า...คงไม่มีส่วนไหนของโลกน่าอิจฉาเท่าที่นี่อีกแล้ว เพราะแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ 2 คน (เนียน..อิอิ)
เราก็สามารถเดินทางได้อย่างสบายใจไร้กังวล...

จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วันนี้คงจะคลานขึ้นที่นอนแน่ๆ ...แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ...
เพราะจริงๆ แล้วเมื่อวานเราได้ทำอะไรๆ สนุกๆ เล่นในเมืองด้วย แบบฮา ฮา...ไปละ
ขอให้คนอ่านมีความสุข คุณพระคุ้มครองนะจ๊ะ...บ๊าย...บาย

30.4.08

กีฬาเยาวชนไทยมาเยือนไอซ์แลนด์

เมื่อซัมเมอร์ปี 2007 ชาวไทยในไอซ์แลนด์เรามีโอกาสได้เฮฮากับการเชียร์กีฬาระดับประเทศกันเชียว
โดยเราได้รับการติดต่อจากท่านมหาประสิทธิ์ เจ้าอาวาสวัดไทยในไอซ์แลนด์ให้จัดการต้อนรับคณะนักกีฬาจากประเทศไทย...อะฮ้า...
โดยการควบคุมของ กทม. มีคุณปราณี และ อ.ยิ่งศํกดิ์ เป็นผู้ควบคุมทีมในครั้งนี้
แต่เนื่องจากมีเวลากระชั้นชิดมาก เพราะรู้ล่วงหน้าแค่วันเดียว เราก็ต่อสายหาสมัครพรรคพวก
และแล้ว...การเชียร์กีฬาเยาวชน นานาชาติ ก็เกิดขึ้น...555+
กีฬาที่ส่งเข้าประกวด เอ้ย เข้าแข่งขัน ของไทยเราก็มี กอล์ฟ ..
อันนี้ต้องยอมรับนักกอล์ฟตัวจิ๋วของเราเชียวนะ...
เพราะเมื่อไปยืนเทียบกับฝรั่งแล้ว เหมือน ช้าง กะ มด เลย 5555+
ประเภทต่อไปก็...ว่ายน้ำ แบตมินตัน กรีฑา
สู้เค้า ...เด็กๆ...



ร่วมถ่ายภาพกับทีมกีฬาว่ายน้ำ และโค้ชที่น่ารัก บวกกับกองเชียร์ที่ส่งเสียงกันอย่างลืมอายุ และทุกคนก็ทิ้งขว้างการงานมาเชียร์กันอย่างไม่ให้เสียชื่อจริงๆ (นี่ถ้ามีแข่งขันกองเชียร์..เราต้องได้รางวัลแหงๆ 55)


ป้าขอถ่ายภาพกับคนเก่งหน่อยนะจ๊ะ...ไม่เสียแรงเชียร์จริงๆ คว้าเหรียญทองเชียวนะคนนี้อ่ะ...



นี่ต้องบำรุงกันซะหน่อย...ว่าแล้วพลังข้าวผัดกุ้งก็ทำให้เหรียญทองแบตมินตันทั้ง 6 เหรียญเป็นของประเทศไทย..555+ เก่งจริงลูก..




อันนี้ประเภทหญิงคู่ค่ะ ขอบอกตลอดการเชียร์คนแก่หัวใจจะวาย เพราะว่างเว้นจากการเชียร์กีฬามา..นานนนนนนนนนนนนนนนนนน มากกกกกกกกกกกกก 555+




อ.ยิ่งศักดิ์ ผู้ควบคุมนักกีฬา และโค้ชหนุ่มของทีมแบตมินตัน...ส่วนด้านหลังเป็นภริยาท่านฑูตไทยประจำเดนมาร์ก คุณมุข ซึ่งได้เดินทางมาร่วมเชียร์นักกีฬาในครั้งนี้ด้วย ประทับใจจริงๆ นะคะ...



นี่จ้ะ โฉมหน้าทีมกอล์ฟเยาวชนไทย...เล็กพริกขี้หนูจริงๆ



หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการแข่งขัน เราก็ได้เลี้ยงส่งเด็กๆ และคณะ ที่ร่วมกันสร้างชือในด้านกีฬาให้โลกรับรู้ถึงความเป็นไทยของเรา
และท่านกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยประจำไอซ์แลนด์ก็ได้แลกเปลี่ยนของที่ระลึกกับหัวหน้าคณะ..คุณปราณี แห่ง กทม.



ก่อนจากกันไกด์ที่น่ารักอย่างเราก็พาเด็กๆ ชมเมือง Reykjavík พาขึ้นหอของโบสถ์ใหญ่เพื่อชมทัศนียภาพของเมืองโดยรอบ เยี่ยมชมและถ่ายภาพบ้านผีสิง...หวังว่าน้องๆ คงชอบกันนะจ๊ะ...อ้อ....ความสำเร็จครั้งนี้ อ.ยิ่งศักดิ์ได้หว่านคารมให้เราได้ชื่นใจว่า ประทับใจกับการต้อนรับและกองเชียร์ชนิดที่ว่าไปมาหลายประเทศแต่ไม่เคยเจอที่ไหนเหมือนที่นี่มาก่อน น่ารักจริงๆ...ส่วนรางวัลกับการเชียร์ครั้งนี้ก็มากที่สุดสำหรับการทัวร์ต่างประเทศ เพราะไทยเราได้เป็นเจ้าเหรียญทอง โดยคว้ามาได้ถึง 11 เหรียญทองเชียวนะ..จะบอกให้...

20.4.08

ภาพถ่ายในความทรงจำ

เสียงของความเงียบ.........
มันเป็นยังไงนะ...เคยสงสัยกับมันเมื่อได้อ่านเจอคำๆ นี้
แต่ ณ วันนี้..เราเข้าใจได้ดี..
มันทำให้เรานั่งดูภาพในอดีตได้จากความทรงจำ
ใช่...คุณจะเห็นมันเมื่อคุณอยู่ในเสียงของความเงียบ..
แปลกนะ..เมื่อได้อ่านได้ยินคนพูดว่า คนที่พูดถึงอดึต
คนที่นั่งนึกถึงอดีตคือ คนแก่...เรายังไม่แก่นะเนี่ย...
อดีต..เป็นสิ่งที่น่าจดจำ..
อดึต..เป็นสิ่งที่น่าคิดถึง
อดีต..เป็นสิ่งที่น่าบอกเล่า
อย่างน้อย..การมีอดีต..นั่นหมายความว่า คุณมีความทรงจำ..ไม่ว่าดีหรือร้าย
อดีต..จะสอนตัวคุณได้สำหรับ..อนาคต..
แล้วอดีต..มาเกี่ยวอะไรกับ ภาพถ่ายแห่งความทรงจำ..
ก็ภาพถ่ายเหล่านั้นมันคืออดีต...5555+ อ่านแล้ว งง หรือว่า ไม่งง
มาดูภาพถ่ายในความทรงจำของเราดีกว่า...
บ้าน..บ้าน 2 ชั้นปลูกด้วยไม้ ดูใหญ่โตเมื่อเทียบกับความเล็กกระจ้อยร่อยของตัวเรา
การถูบ้าน..คือสิ่งเดียวที่แม่มอบหน้าที่ให้..แต่มันช่างยิ่งใหญ่สำหรับเราเสียเหลือเกิน
ทุกวันกับภาระหน้าที่นี้หลังจากกลับจากโรงเรียน.."ต้องถูบ้าน"
ต้องใช้คำว่าถู มือกระจ้อยร่อย 2 มือวางไปบนผ้า โก่งตูด เอ้ย ก้นขึ้นเล็กน้อย ..
ซอยเท้าถึ่ๆ เข็นเจ้าผ้าบนไม้กระดานจากมุมนึง ไปสู่อีกมุมนึง คือการถูบ้านของเรา..
แต่หลังจากภาระกิจนี้เสร็จสิ้นลง เราก็ได้นอนกลิ้งเกลือกกับเจ้าไม้กระดานเย็นๆ เพื่อ..
ทำการบ้าน ดูทีวี ซึ่งบางครั้งก็หลับไปกับเจ้าไม้กระดานเย็นๆ ที่เราเฝ้าแต่ขี้เกียจทำความสะอาดมัน..
พ่อ..พ่อคือต้นไม้ที่อยู่ในบ้าน ร่มเงาของพ่อช่างยิ่งใหญ่นัก
ทุกครั้งที่คิดถึง พ่อ..ไม่เคยใช้คำว่า คุณ ข้างหน้า ไม่เคยมีคำว่า จ๊ะ จ๋า คะ ขา หลังคำว่า พ่อ
เราเรียกพ่อ ว่า พ่อ เพราะว่า มันไพเราะกับหางเสียงที่เราเรียก..
พ่อบอกเราอย่างนั้น..พ่อ บอกว่า ตอนแม่แกท้อง พ่ออยากได้ลูกชาย ..
เพราะ 3 คนที่ได้ก่อนหน้านั้น เป็นผู้หญิงล้วน..แต่แม้จะผิดหวังเล็กน้อยในตอนนั้น
แต่..พ่อบอกว่าตอนนี้พ่อไม่เคยเสียใจ..
เราเป็นลูกคนเดียวที่นั่งดูทีวีกับพ่อยามดึก ไม่ว่าพ่อจะดูมวย..
ดูฟุตบอล..หรือ ดูอะไรในทีวี เราจะดูกับพ่อเสมอ..
คำหยาบคายไม่เคยหลุดจากปากพ่อให้ได้ยิน ไม่เคยเห็นพ่อทะเลาะกับแม่
แม้ว่าจะได้ยินเสียงแม่บ่นพ่อก็ตาม 55+ แล้วที่ประทับใจคือ..
พ่อไม่ชอบให้แม่ตีลูก...อิอิ อันนี้ถูกใจสุดๆ...
แม่..แม่จ๋า..เราชอบนอนกอดแม่..เนื้อแม่เย็นน่าเบียด
อกแม่แม้จะเหี่ยวๆ แต่เราก็ชอบจับ 55+ ก็มันนิ่มมือ
แม่ดู แม่ชอบตี แต่ไม่ยักเห็นจะกลัว...แม่มีฉายาให้เราเยอะ
นังม้าดีดกระโหลก ..ฮ่าๆๆๆ ทำไมม้าต้องดีดกระโหลกล่ะแม่..มันสงสัยเนอะ
ลูกนังช่างซัก..แม่จ๋า..แม่ชอบซักผ้าเหรอ..
เออ..กรรม ..ชั้นได้ลูกใครมาเลี้ยงเนี่ย..ทำไมมันช่างพูดอย่างนี้หว่า..
อ้าวววว ตกลง ชิดไม่ใช่ลูกแม่หรอ..ลงท้าย..แม่ก็จะพูดว่า นังลูกชิด หยุดดดดด
เราก็จะเผ่นจากแม่แทบไม่ทัน เพราะนั่นหมายถึงไม้เรียวที่อยู่ในมือแม่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ติ๋ว..พี่สาวคนโต..ตั้งแต่จำความได้ ภาพของพี่ติ๋ว คือแม่อีกคน
พี่ติ๋วต้องทำทุกอย่างแทนแม่ในบ้าน ไม่ว่า ซักผ้าให้ทุกคน รีดผ้า ทำกับข้าว
เฮ้อ..น่าเหนื่อยแทนพี่ติ๋วจริงๆ กลับจากโรงเรียนก็พร้อมๆ กัน แต่พี่ติ๋วเอาเวลา..
ทั้งหมดๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปกับทุกคนในบ้าน
เวลานั่งนึกถึงพี่สาวทีไร ทำไมมองอะไรไม่ค่อยชัดก็ไม่รู้..
มันเหมือนมีอะไรมาเบลอๆ อยู่ในลูกกะตาเราอ่ะ..หลังจากนั้นมันก็รินมาสู่แก้มเรา..
หลังจากนั้น..เราก็ยิ้มให้กับภาพ..พี่ติ๋ว..ที่เราเห็นชัดเจนอยู่ตรงหน้า..
พี่ต๋อย..พี่คนที่ 3 เราไม่รู้จักคนที่ 2 ไม่เคยเห็นแม่แต่ภาพถ่าย..
มีเพียงเรื่องราวที่แม่เล่าให้ฟังว่าเราไม่รู้จักพี่คนนี้ตั้งแต่เรายังไม่เกิด
ก็เค้าเสียชีวิตเมื่อมีอายุได้แค่ ขวบกว่าๆ..
พี่ต๋อยจึงกลายเป็นลูกคนกลางของสามใบเถา...
พี่ต๋อยสวยที่สุดในบ้าน..เพราะเค้าขาว..เหมือนแม่
ภาพของพี่ต๋อย..คือภาพของกุลสตรีไทย..นั่งปักตาลปัตร.ช่วยแม่
ยามเรียนที่ต้องมีงานฝีมือ เย็บปัก ถักร้อย..พี่ต๋อยคือที่พึ่ง..555+
ก็มันไม่ชอบอ่ะ ทำก็ยาก สวยก็ไม่สวย ให้พี่ต๋อยทำให้ดีกว่า ..
แล้วไปเนียนส่งครู..แต่..คุณครูขา..ทำไมคุณครูรู้ล่ะว่าพี่สาวหนูทำ..ฮ่าๆๆๆ
ครอบครัวเรามีกันแค่นี้..แต่ไม่หมด..แค่นี้..เพราะมันยิ่งใหญ่กว่านี้น่ะซิ
ภาพในความทรงจำเรามีมากกว่านี้เยอะ....
น้าดา..น้องสาวของแม่..น้าดาคือคนใจดีที่สุดในโลก
น้าดาสอนเราเยอะ น้าดาพาเราไปที่ทำงาน น้าดาพาเราไปเที่ยว
น้าดาซื้อของให้เรา ไม่ว่าจะเป็นขนม ของเล่น เสื้อผ้า..
พูดได้ว่า..น้าดาคือแม่อีกคนนึงของเราเลยแหละ..น้าดาขา..คือชิดขอ..
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วเราก็จะได้ทุกอย่างมาครอบครอง..
คุณน้า..คุณน้าคือแม่ของแม่ ที่เรียกว่ายาย..แล้วทำไมเราเรียกคุณน้าล่ะ..
อันนี้เรามารู้เมื่อโตแล้ว ก็ไอ้ความที่ช่างซักช่างถามก็เลยได้ประวัติอันยาวนานของ
ครอบครัวใหญ่ครอบครัวนึงเลยทีเดียว
คุณตาเป็นข้าราชการตำรวจ คุณแม่ เป็นภรรยาคนที่หนึ่ง
คุณน้า เป็นภรรยาคนที่ 2 และน้าละออ คือภรรยาคนที่ 3
ทั้ง 3 ภรรยาเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน อิอิ..อย่างนี้เค้าเรียกพระยาเทครัวหรือเปล่าเนี่ย
และทั้ง 3 ภรรยาก็มีลูกๆ เป็นของตัวเอง..และคำที่เรียกทั้งหมดก็คือ..
คำที่ลูกๆ ทุกคนต้องเรียก แล้วก็ตกทอดมาถึงหลานๆ อย่างเรา..
เราไม่รู้จักน้าละออ เพราะเสียชีวิตตั้งแต่เรายังไม่เกิด
คุณแม่เสียชีวิตเมื่อเรายังเด็กมาก แต่ภาพของคุณแม่ก็ยังอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ
ยังจำได้ถึงพิธีศพที่บ้าน การกวาดถูบ้านใหญ่..บ้านทรงโบราณในบริเวณเดียวกัน
ใต้ถุนสูง หลังใหญ่ๆ เพราะลูกๆ เยอะ..แล้วมีศพคุณแม่อยู่ในโลงบนบ้านใหญ่..
บรื้อสสสสสสส์
เรามีทั้งคุณลุง คุณป้า และน้าๆ ทั้งหลาย รวมทั้งพี่ๆ น้องๆ เคยนับรวมกันสมัยที่เรายังเด็ก
รวมกันถึง 55 คน แล้วปัจจุบันล่ะ ไม่มากขึ้นหรอก มีแต่น้อยลง ..
เพราะแยกย้ายกันออกไปสู่วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่เป็นครอบครัวเดี่ยว ยังคงเหลืออยู่บ้าง..

ซึ่งมันก็ทำให้ภาพแห่งความทรงจำของเรายังคงมีอยู่ ณ บ้านบุคคโล
บ้านที่ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ จนปัจจุบัน บ้านถึงแม้จะเปลี่ยนรูปร่างไปบ้าง
แต่ภาพถ่ายที่อยู่ในความทรงจำ..มันจะยังเป็นภาพที่เห็นทีไร ...
เราก็ยังยิ้มกับภาพเหล่านั้นได้ตลอดเวลา...
ใครจะมีภาพแห่งความทรงจำไว้เล่าให้ลูกหลานที่ช่างซักช่างถามบ้างนะ...

23.3.08

เมื่ออยากเม้าท์สาวแอดมิน

ชื่อเรื่องวันนี้ออกจะเสียวสันหลังอยู่นิดๆ อิอิ กลัวโดนเอาคืนน่ะ...
ก็เจ้าหล่อนทั้งหลาย...ใช่ย่อยนิ..แต่ละคนทั้งสวยทั้งเจ็บ...
เหน็บแนมเข้าขั้นน้องแดนของช้านนนนนนนน สยิววววว..55
ใช่ไม่ใช่อันนี้ต้องไปถามคุณแม่รัชดา ดานุวงศ์...
แต่ก็นะบ้านนี้ก็บ้านเรา ไม่ใช่ที่แดนโอลลี่..
จะเม้าท์ไรก็แค่โดนถากถางทางห้องเม้นท์ 5555+
อยากรุรึยังแต่ละสาวน่ะขนาดไหน...
มา...มาดูเบอร์หนึ่งของเค้าแล้วกัน...
คนอะไร๊...ขยันบรรลัย...เธอจะขยันอ่านขยันโพสต์ตอบเด็กๆ..
ขยันหาไอเดีย..สารพัด..ใจดีไม่มีกั๊ก..555
แล้วเมื่อไหร่จะมีกิ๊กซะที...รอน้องแดนจนเหงือกบานแล้วน้อง...
เดี๋ยวจะกระซิบบอกคุณแม่แห่ขัน...มานะจ๊ะ..(เอ่อ..ว่าแต่จะให้แม่ไหนมาขอล่ะจ๊ะ)
รู้จักกันเพราะน้องแดนแสนรักเป็นเหตุ..(ให้เครดิตน้องแดนอีกแระ)
คุยกันทางเนตแถมทางโทรศัพท์บ้างเป็นกระสายยา
แล้วในที่สุดก็เจอกัน...น้องพูดเสียงคม..ออกแหลม..
บาดอกบาดใจพี่ยิ่งนัก..5555 แล้วก็คุยน้ำไหลไฟดับ
ขยันหาของรับประทาน จนไขมันยิ้มร่า..555+
ขาววววววว สวยยยยยยย หมวยยยยยยย อึ๋มมมมม
อันนี้เข้าสโลแกนเป๊ะเช๊ะ..ของใครฟะ..อิอิ
ได้คุยกะน้องทีไรใจแป้วทุกที...อันนี้คงรู้กันแค่เราสอง..5555
นี่แหละ...น้องตุ๊กตา...



พี่ชอบรูปนี้จังเรย...น้องเอาขยายใส่ลายเซ็นต์ของทั้ง 2 เจ้ามาได้ป่ะ...ดูแล้วคงน่ารักดี ใครอิจฉาป่ะเนี่ย555

รายนี้น่าสนใจ...เธอขยันเข้าขั้นได้โล่ห์...
พี่ขอความช่วยเหลืออะไรเป็นได้ไปโม๊ดดดดดดดดด
ตอนนี้ได้ข่าวว่ากำลังเรียน ป.โท...เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด
แต่ก็ยังอาละวาดอยู่ในเวปไม่บกพร่อง..(มากนัก)5555+
เธออัพคลิปให้พี่ เธอช่วยหารูปให้พี่ เธอคุยกับพี่(ทุกวัน)
จนคาดว่าไปไทยเมื่อไหร่ต้องติดต่อถ้ำกระบอกโดยด่วน...
เวลากินยาอดคงอ้วกเป็นใบหน้าเธอแน่ๆ 555555+
ทุกวันหลังกลับจากทำงานต้องรี่เข้าหาคอมฯ ...
ทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาตื่นของเจ้าหล่อนด้วยซ้ำ..อิอิ
แต่เปิดรอไว้แระ...เอ..แล้วเราได้เมลน้องผู้แสนขำคมคนนี้ได้ไงเนี่ย..5555
ตัวจริงน่ะรึ...เจอวันแรกกำลังตะกายรั้วบ้านน้องแดน..
จริงๆ นะ...2 คนกับใครน๊า....55+
แล้วตกลงน้องจะเลือกใครล่ะ ระหว่างเจ้านู๋ กับ น้องหนุ่ม อิอิ
น่ารักทั้งคู่ชิมิ...555+
น้องสาวคนนี้ แรกๆ คิดว่าจะบอบบาง สูง ขาว หน้าคงจะออกประมาณตุ๊ก
ก็เค้าค่ายเดียวกันนี่...เนอะ..
แต่พอเห็นรูป..ไม่ช่ายน่า เค้าหยอกเรา เดี๋ยวเจอตัวจริงก็รู้..5555
อืม..เหมือนรูปเป๊ะ...ชอบจริงๆ ตอนเจ้านู๋เรียก ป้า..ฮ่าๆๆๆๆ
น้องเข้ากับพี่ได้เพราะเราสีเดียวกัน...55+ มิน่าถูกใจตั้งแต่ยังไม่เจอกัน
เอ่อ..ว่าแต่น้องไม่คิดเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเลียนแบบคุณแม่รัชดาบ้างรึ อิอิ
นี่ล่ะ...น้องเตย..ตัวจริง..เสียงจริง (ดำจริงด้วยป่ะ)5555+


ถึงจะดำ แต่ก็เนียนเนอะเตยเนอะ...(หาพวก)

นี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สาวเจ้าคนนี้ไม่เม้าท์ก็ไม่ได้เด็ดขาด...จอมบงการตัวจริง..เสียงจริง..ได้คุยกันเล็กน้อยเสียเหลือเกิน..แต่...ไม่อยากเซดดดดด เห็นหน้าหวานๆ ปานจะหยด ฝีปากเธอไม่ละลด แล้วเรามารู้ทีหลังว่าเธอเจ้าบทเจ้ากลอน..มิน่า..5555 ระหว่างนั่งฟังเธอเม้าท์..เม้าท์..และเม้าท์..เธอมักจะเป็นผู้สั่งนะเนี่ย.."พี่ว่านะ.....เตยทำดิ" อิอิ ไปไหนมาไหนไม่ต้องห่วงเรื่องหาห้องน้ำ เธอชำนาญเป็นพิเศษ..555+ อ้าวววว ก็หาที่ทำให้อารมณ์ดีไง ม่ายงั้นเค้าจะตั้งชื่อ..สุขา..ไว้ทำไม พอออกมาก็สุขา สุขี ทุกทีไป อิอิ น้องสาวคนนี้มีให้ฉายาไว้เป็นการเฉพาะว่า ... เงียบเป็นหลับ ขยับเป็นสวย ... สวยไม่เลือกสถานที่และเวลาเลยน้อง 5555 รูปเล็บเท้างามยังมีให้เห็นเป็นที่ระลึกถึงอยู่เสมอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่แหละจ้ะ โฉมหน้าสุดสวย..รวยเสน่ห์ของเรา...น้องเล็กจ้า...(พี่บอกว่าน้องสวยอ่ะ)

แต่ที่เราขาดไม่ได้ ยอดพธูของไทย...

เพิ่งเคยจะรู้ว่าสมัยนี้ยังมียอดพธูไทย ไม่ต้องมีเวทีให้ เธอก็โพสต์ท่าได้ไฉไลตลอดเวลา 55+ ได้ข่าวว่าทำงานอยู่โรงพะ-บาล ก็ให้หวาดเสียว ไม่ค่อยกล้าเม้าท์ กลัวโดนจับไปดองยาคู่กะซีอุย อิอิ แต่จริงๆ แล้วไม่ค่อยรู้จักกันมากกว่า เจอกันก็ไม่กี่ครั้งเอง..แต่ก็คุยสนุกนะสาวคนนี้..ใบหน้ายิ้มแย้มสมกับเป็นพยายม เอ้ย พยาบาล..แต่พี่ไม่อยากไปนอนให้น้องดูแลหรอกนะ..ขี้เกียจโดนอบรม 555+ แต่ยอดพธูก็ให้พี่รอนานเหมือนกันนะน้อง ตอนไปรอน้องแต่งตัวจะไป หรือไม่ไป เนี่ยแหละ อิอิ ว่าแต่เวลาจะถ่ายรูปน่ะทำไมต้องวางมาดขนาดนั้นด้วยล่ะน้องสาวววววววววว

พอดีกว่า...ดีมั้ยจ๊ะ..น้องหนึ่ง...


มาดูลีลาโพสต์ท่าของเธอดีกว่า 55555+

ส่วนหนูดวงพี่ยิ่งไม่รู้จักเลย ได้ข่าวว่าตอนนี้กำลังนิยมชมชอบคู่ Y (เอ็กซ์วายแซด อะป่ะ)

หรือนี่เป็นสาเหตุให้เราไม่ได้เจอกัน..อิอิ อย่าโหมงานจนเจ็บไข้ได้ป่วยล่ะน้อง มันไม่คุ้มนะจ๊ะ

นี่เค้าไปกินข้าวเคล้าน้องแดนกันมา..คงอร่อยซิท่า ..ว่าแต่น้องแดนก็ไม่ลำเอียงเลยเนอะ..

แล้วเราก็ได้ไปดูคอนเสริท์กับน้องๆ แอดมินด้วย การเดินทางที่ยาวนานทำให้ได้คุย ได้รู้จักน้องๆ มากขึ้น แม้จะเม้าท์น้องเล่นบ้าง แต่ก็เพราะ...รัก..หรอกจึงหยอกเล่น...แล้วน้องๆ ล่ะรักพี่มั่งอะป่ะ 5555+

13.3.08

อยากเม้าท์สาวแดนโอลลี่..อะนะ...

ติดภารกิจซะเป็นอาทิตย์ก็เพราะสาวๆ
จากแดนโอลลี่ทำเหตุ...55+
อะไรซะอีก ก็เจ้าหล่อนทั้งหลายชวนไปเม้าท์....
เปล่า..ไม่ได้ไปถึงไทยซะหน่อย...
แต่เผอิญบรรดาเจ้าหล่อนมีความคิดเปิดกระทู้..
เม้าท์ เมา มันส์.. ในบอร์ด เม้าท์ ทู เม้าท์
ที่เราชอบชื่อนี้ตั้งแต่เปิดบอร์ดครั้งใหม่
ก็นะ ชื่อมันน่าลองซะเจงๆ....อ๊ะ..อ๊ะ...
อย่าคิดแบบเราดิ...555+
วันนี้อยากอัพบล๊อคก็เลยเอาสาวๆ ต้นเหตุ
ที่ทำให้เราไม่อัพบล๊อค... มาเม้าท์ในบ้านเรา
ซะงั้น ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
แต่...เอาสาวเล็กๆ ก่อนแระกัน..อิอิ...
เอ...ใครก่อนดีนะจ๊ะ... ปะ...
ไปชมกันว่าเราจะประนามใครก่อนดี เอิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คนนี้ดีกว่าสาวน้อยยยยยยยยย ร้อยชั่ง...
รู้จักเธอในบอร์ดเพราะน้องตุ๊กตา 1 ในแอดมิน
เค้ามักจะบอกว่าเป็นเด็กข้างกาย ก็งั้นๆ แหละ
เพราะไม่เคยคุยด้วยอ่ะ.... แต่ก็น่าสนใจนะ
เพราะเธอมักจะเป็นตัวแทนน้องตุ๊กยามที่เธอไม่ว่าง
งั้นมาเม้าท์ถึงเธอกันดีกว่าเนอะ....
รู้จักสาวน้อยตัวเป็นๆ ครั้งแรก ...อืม...เป็นเด็กข้างกาย
ของน้องตุ๊กจิงๆ ด้วย
ก็เรานัดคุณน้องตุ๊กเมื่อตอนไปไทยอะดิ...
โทรศัพท์นัดหมายกันเป็นที่เรียบร้อย จำได้ว่าที่
เซ็นทรัลปิ่นเกล้า....... 555555
เราน่ะเคยเห็นรูปน้องตุ๊กจากบล๊อคของเจ้าหล่อน...
บ่อยครั้ง และก็บังคับให้ส่งรูปมาให้ดูด้วย...อิอิ...
เอาเปรียบกันอะป่ะ...น้องตุ๊ก ...แต่เธอก็เคยเห็นรูปพี่นะ...
ไม่เสียเปรียบหรอกน้อง ... เราไปถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน
แต่ก็ต้องใช้โทรศัพท์หาตัวกันเพราะไม่แน่ใจในสถานที่
แหม...ก็บ้านนอกเข้ากรุง..เอ้ย ..คนเมืองนอกมากรุงอ่ะนะ...
พอหันมา..อุแม่เจ้า...คล้ายเลข 10 เดินมาหาเรา 5555+
แต่หนูเกด..ที่เราเห็นเป็นเลข 1 ฉะนั้น เลข 0 ใครน๊า......อิอิ
มา...มายลโฉมเธอดีกว่าเนอะ


จ๊ะเอ๋....ไงล่ะ เสื้อตัวที่ใส่อยู่นี่ เราซื้อให้ด้วยนะ...
ก็แหม..เหมือนน้องสาวเจงๆ...55555+
น้องเกดนี่เธอพูดเร็วมาก..ถึงมากที่สุด...

เจอวันแรก...เราก็ไปเดิน..เดิน..และก็เดิน...
ฮาๆ กันเพราะไปช้อปปิ้ง...ไปๆ มาๆ เราซื้อมากมาย...
เราได้ไปบ้านน้องแดนด้วยกัน...
ไปขอนแก่นด้วยกัน...
ไปตามน้องแดนด้วยกัน...
แต่ละครั้งน้องสาวคนนี้ก็ทำให้พี่ยิ้มได้ หัวเราะได้เสมอ ....น่ารักนะเนี่ย แต่ที่ประทับใจสุดๆ ก็เห็นจะเป็นวันที่ต้องไปเอากล้องที่น้องตุ๊ก... ก็จะไปตามถ่ายภาพน้องแดนกันไง..แต่ตุ๊กเธอไม่สามารถไปด้วยได้..
เรานัดกันที่ศิริราช แต่โทรแล้วโทรอีก เธอก็ไม่ถึงไหนซะที...
ก็เลยตัดสินใจไปรับเธอให้เกือบใกล้รถเมล์ที่อาศัยมา...
การสื่อสารสะดวก ก็เลยไปจอดรอที่ป้ายรถตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย...
โดยเป็นป้ายด้านที่วิ่งไปขึ้นปิ่นเกล้า...
แต่...เหลือเชื่อ น้องสาวบังอาจลงป้ายผิด...5555+
กลับไปลงป้ายก่อนถึงอนุสาวรีย์ฯ ซะงั้น ...
เราจอดรอตรงป้ายรถเมล์..แล้วคิดดู..พี่กลัวตำรวจไล่อะน้อง..อายเค้านะ...
แต่ไม่โดน...เธอต้องวิ่งฝ่ามลพิษ ควันรถเมล์..และผู้คน...เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายข้างหน้า...555+
หน้าน้องสาวตอนก้าวขึ้นรถ ... เป็นพี่คงรมย์เสียสุดๆ..
แต่น้องกลับยังยิ้มระรื่น..แล้วบอกหอบๆ ว่า...เหนื่อยอะพี่...โถ ไม่ต้องบอกก็รู้ กร๊ากกกกกกกกกกก

หลายครั้งหลายคราที่เจอกันในระหว่าง 1 เดือนที่เมืองไทย...ประทับใจจริงๆ.....

มา...ม๊ะ ..รายต่อไป...
หนิงน้อยที่น้องตุ๊กชื่นชม...เรามารู้ทีหลังว่าสาวเจ้าเป็นคนที่ต้องจัดการเรื่องเวปหลังจากที่อึดอัดกับคนที่เขียนเวปให้ เพราะไม่ทำตามที่คุยกันไว้ แม้ว่าจะรู้จักกันก็เหอะ...นั่นคือสาเหตุแต่ที่สำคัญน้องหนิงกำลังเรียนด้านนี้อยู่ด้วย 5555+
เรารู้จักน้องหนิงในวันที่ไปเยี่ยมบ้านน้องแดน...
ในวันนั้นก็แทบจะไม่ค่อยได้คุยกันซักเท่าไหร่ ...
มาคุยกันมากขึ้นก็ตอนไปคอนฯ ที่ขอนแก่น...หลังจากนั้นแทบจะไม่ได้เจอกันเลย น้อยมากเลยนะเนี่ย แล้วประทับใจน้องเค้าตอนไหนล่ะ...555+
ก็ตอนถ่ายรูปเดี่ยวๆ กับน้องแดนนั่นไง...คนอื่นเค้าอิงแอบแนบชิด...
แต่เธอกลับบอกว่า...พี่แดน..บังหนูครึ่งตัวได้ป่ะ...5555+
ช่างคิดนะน้อง เออ..แต่ดูดีขึ้นอ่ะ...แถมขนมที่ให้ลองชิม..
ลัคคริท...อันลือชื่อของไอซ์แลนด์ น้องไม่ชอบมันซะเลย อิอิ


ภาพมันฟ้องเลยน้องสาว...แล้วดูน้องดิ ไมระวังขนาดนี้อ่ะ...55+
ไป....ไปต่อกัน...เด็กน้อยคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกะแอดมิน...
นอกจากแฟนคลับคนนึง แต่อยากพูดถึง..เพราะเราชอบนาย..โย่ววววววววว
น้องแนน..เกาะติดสถานการณ์ตั้งแต่ไปเยี่ยมบ้านน้องแดน
ไปบ้านนกอินทรีย์..ต้องซ้อนมอไซค์..ตามไปถึงปทุมอ่ะ...
แต่พี่ประทับใจน้องมากตอนไปขอนแก่น...อิอิ
น้องคุยเก่งเหมือนกันเนอะ..แถมยังเป็นห่วงเป็นใยคนแก่..55+
เรานอนห้องเดียวกันด้วย (น่าน...คิดไปไกลเชียว)
แต่หลายคนอยู่เนอะ...ไมต้องไปอัดอยู่ห้องเดียวกันซะขนาดนี้...
ก็พี่จองห้องพักตั้ง 4 ห้อง..3 ห้องอยู่ห้องละ 2 คน
ที่เหลือ 5 คนมากองอยู่ห้องเดียวกัน..สงสัยกลัวปี๋...แน่ๆ ...หุหุ
ไม่ว่าจะทำอะไรน้องต้องคอยมาถาม..มาห่วงพี่..
แหม...ขนาดลูกชายไปด้วย..ยังห่วงพี่ขนาดนี้...
เอ๊ะ...หรือว่าหวังเคลมลูกชายพี่ยะ...55555+ อ่ะ..ล้อเล่น
อย่าคิดจิงๆ นะเพราะพี่หวง...กร๊ากกกกกก



โฉมหน้า ..แนน..โย่ววววว 55555555+

สถานที่นี่ยืมคุณแม่รัชดามามีทติ้งกะสาวๆ แดนโอลลี่ 5555+



ทั้งหมดนี่คือน้องๆ ที่พี่หลงรักเต็มหัวจายยยยยยยยยย
ตอนอยู่ไทยตื่นมาทีไรอยากไปหาทุกคนเลย.......555+ (ล้อเล่น)


แอดมิน...แดน โอลลี่...ที่จะพูดถึงต่อไป...ระวัง...เราเตือนท่านแล้ว อิอิ


บ้านหลังนี้ที่น้องๆ ได้สร้างและส่งแปลนให้วิศวะกร(น้องแดน)ได้เห็นความสำเร็จที่น้องมีส่วนได้ทำให้มีบ้านหลังนี้ขึ้น...ขอบคุณน้องแดนที่ทำให้เราได้มีความประทับใจกับเด็กๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันเลย....ได้มีมิตรภาพที่น่ารักๆ ได้เห็นเด็กๆ กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มหนึ่งมีไอดอล ที่ทำให้พวกเค้ารักและส่งความรักให้เกิดขึ้นภายในกลุ่มใหญ่ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ...
อุปสรรค คือ สิ่งที่ทำให้มนุษย์เราได้พบกับความอดทน...ความสำเร็จ..ความรัก และความเอื้ออาทร...อย่าคิดว่าอุปสรรคทำให้เราท้อ เมื่อเราพบมันและผ่านพ้นมันไปได้..เราจะได้พบกับสิ่งดีๆ อีกมากมายรออยู่ข้างหน้า...สู้ต่อไปนะจ๊ะเด็กๆ ที่น่ารักทุกๆ คน