28.5.08

สองสาวชวนกันเที่ยว...1

หลังจากคร่ำเครียดกับการทำงานที่ยาวนานนับจากเดือน ม.ค ที่ผ่านมา
เราก็ได้เวลาที่จะต้องละสายตาจากกระทะและชีวิตคนเมืองสักเล็กน้อย
โดยการขอเปลี่ยนเวรวันหยุดกะนายบุ๊คสุดหล่อ..พ่อครัวข้างเตา..อิอิ
ซึ่งมันหมายถึงการทำงานยาวนานในวันอาทิตย์หน้าโดยเราไม่ได้หยุดเลยสักวัน
แต่ก็น่าจะคุ้มค่ากับการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เพราะเราจะออกนอกเมืองไปกับ..น้องปอ..
ว่าแล้วเราก็จัดการไปเช็ครถ..เติมน้ำมัน..หาอาหารรับประทาน..ซึ่งภาระกิจทั้งหมด..
สำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อ 4 โมงเย็นพอดิบพอดี...5555
ปะ..ไปขึ้นรถ..น้องปอ...ของน้า....


พาหนะของเราคือรถโฟล์คจ้ะ...ไม่ใช่เจ้าโตโยต้าตัวเล็กของเรา อิอิ..คนมีรถเยอะก็ดีอย่างนี้แหละ..
เราจะเดินทางในเส้นทาง Golden Circle หมายถึงเส้นทางสำหรับนักเดินทางที่เข้ามาไอซ์แลนด์ต้องไปชม
แต่ว่าเราจะไปกันแค่ 2 คนเท่านั้น ...อิจฉากันไม๊...

เทือกเข้าด้านหน้าคือเขาที่เราต้องผ่านมันให้ได้..อิอิ ก็แค่ผ่านเมืองระริกระรี้ที่เราเคยผ่านลงใต้นั่นเอง
แหม..ทำเป็นจำไม่ได้ 5555


หลังจากผ่านเทือกเขาสูงและเมืองระริกระรี้ได้นิดหน่อย..เราก็ต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อ...เพื่อ...
ไปเที่ยวไง...อิอิ..แต่เอ๊ะทำไมเค้าเลี้ยวกันตรงนี้ล่ะ ไหน..ไหน..ความอยากรู้อยากเห็น..
ก่อตัวอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจเลี้ยวตาม..แหม..ไม่เสียเที่ยว..จำได้แระ 555+
ก็หลุมอุกาบาต...เอ้ย..ไม่ใช่ๆๆ มันเป็นปล่องภูเขาไฟเก่าแก่ที่เคยพ่นลาวาละเลงไว้ซะเต็มพื้นที่บริเวณนี้ไงล่ะ
ปัจจุบันมันเป็นที่ขังน้ำให้เราดูและมายืนอยู่ปากหลุมให้เสียวๆ เล่น อิอิ
แต่..ขอเต๊ะท่าถ่ายรูปซะหน่อยดีกว่า 5555

หลังจากพักเมื่อยไปประมาณ 7 นาที เราก็เดินทางต่อเพราะยังไม่ถึงจุดหมายแรกเลย
นี่เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น อิอิ
ในที่สุด...จ้ะ..ในที่สุดเราก็เจอะเจอแล้ว ...น้ำพุร้อนกีเซอร์...
ความจริงบ่อที่น้ำพุ พุ่งมาอวดทรวดทรงองค์เอวในปัจจุบันเป็นบ่อที่ 2
บ่อแรกอยู่ใกล้ๆ กันแต่เผอิญเธออายุเข้าสู่วัยชราภาพ เนื่องจากอยู่บนเวทีมานานแระ
ก็เลยกลายเป็นตำนาน ปล่อยให้บ่อรุ่นใหม่ขึ้นมาอวดโฉมแทน...
ว่ากันว่าบ่อแรกเธอร้อนแรงกว่าบ่อนี้มากมายนัก ความแรงและทรวดทรงทั้งสูงและอวบกว่า 555+
มาชมเธอแล้วกัน...สวยสมกับการเดินทางจริงๆ แม้ว่าจะเคยมาแล้วหลายครั้ง
แต่คราวนี้ทอดระยะยาวนาน จนเราก็รู้สึกเหมือนการมาครั้งแรกเลย อิอิ
ให้ลูกน้องโผล่มาเต้นรำโชว์ซะ 1 รอบ


และแล้วก็ถึงเวลาของเธอ..ทรวดทรงองค์เอวสมกับเป็นวัยสาวจริงๆ สูงโปร่งและพริ้วบาง
เธอเฉิดฉายมา 2 รอบติดๆ กัน โอว..แม่เจ้าช่างใจดีเช่นนี้ อิอิ



แล้วเราก็มาชมว่าเธอสามารถขึ้นมาโชว์โฉมอันพริ้วสวยได้อย่างไร...5555+ (จะรู้เรื่องไม๊เนี่ย)


การนำเสนอเรื่องน้ำพุตอนนี้เห็นทีจะพอก่อนเพราะเราจะต้องเดินทางต่อจ้ะ ตอนนี้ก็ 5 โมงกว่าๆ แระเดี๋ยวต้องไปอีก 2 ที่เชียวนะ..

สองสาวชวนกันเที่ยว...2

ออกมาจากน้ำพุร้อน เราก็จะเดินทางต่อเนื่องไปที่น้ำตก..มีป้ายบอกว่าเดินทางไปอีก 10 กิโลเมตร...
5555 แป๊ปเดียวเอง Gullfoss ก็เห็นเป็นเงารำไรๆ อยู่ข้างหน้า...
Gull แปลว่า ทอง foss แปลว่าน้ำตก พวกเราเลยเรียกว่าน้ำตกสีทอง..อิอิ
ไปดูกันใกล้ๆ ดีกว่าไม๊...






ก่อนจะไปน้ำตกเราก็แวะถ่ายรูปแผนที่ ที่เค้าจะบอกว่าทางข้างหน้ามีที่เที่ยวอะไรแนะนำกันบ้าง ...
ไม่แน่นะเนี่ย...ซัมเมอร์ปีนี้ไม่ไปไทยเราก็วนเวียนชีวิตบนเกาะเล็กๆ น่ารักๆ แห่งนี้ก็ได้




อย่าใจร้อน...เดี๋ยวได้ชมน้ำตกที่นักเดินทางทุกคนต้องพบกับมัน...
ใครมาไอซ์แลนด์แล้วไม่ได้ภาพน้ำตกสีทองกลับไปก็เหมือนไม่ได้มา 555 (ว่าเข้านั่น)
หลังจากวกรถลงจอดด้านล่าง..ก็คนมันฉลาดเนอะ..ถ้าจอดรถด้านบนเราก็ต้องเดินลงบันไดอันสูงชัน ไอ้ตอนลงน่ะไม่เท่าไหร่หร๊อก..แต่ไอ้ตอนขึ้นนี่จิ..ไม่อยากคิดว่าเราจะได้เดินทางไปที่อื่นต่อหรือเปล่า อย่ากระนั้นเลย...เรารู้นี่ว่ามีที่จอดรถที่ไม่ต้องอาศัยความสูง อิอิ
หลังจากจดรถและเปลี่ยนเสื้อคลุมตัวใหม่ไฉไลกว่าเก่า...555
ก็แหม..เรารู้อีกนั่นแหละว่าการจะชมน้ำตกแบบใกล้ๆ ต้องใช้อะไรบ้าง ...
ไปกันเดี๋ยวจะเฉลยให้ฟัง....
อุ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอทักทายเจ้าของสถานที่ก่อน..เค้าอยู่เฝ้าตรงนี้มานานแระ..5555




ไปชมความงามของน้ำตกกันดีกว่า...น้ำตกสายนี้เกิดจากการละลายตัวของการ์เซียร์ (ภูเขาน้ำแข็ง)
และน้ำจากทะเลสาบน้ำจืด รวมตัวกัน ฉะนั้นน้ำที่น้ำตกแห่งนี้จะไม่ขุ่นเป็นดินโคลนเหมือนกับ Dettifoss
น้ำตกทางเหนือที่เกิดจากการละลายของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น...
เราเคยมาในหน้าหนาวอยู่ครั้งนึง....ซึ่งในครั้งนั้นมีสารถีขับรถพามาชมความงามในยามหนาว..
แต่ขอบอกว่า..ทั้งการเดินทาง และการชม..มันทรมานสุดๆ ..
เพราะอะไรน่ะรึ....ถนนก็จะเต็มไปด้วยหิมะ มันลำบากกับการขับขี่ถ้าคนไม่ชำนาญ
แล้วก็ควรเป็นรถที่ขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น พอมาถึงเราก็ต้องผจญกับความหนาว
เพราะไม่สามารถจะมองจากบริเวณที่จอดรถได้ ก็ต้องลงแล้วเดินไป...
หน้าหนาวบริเวณน้ำตกที่อุณหภูมิติดลบ...คิดดูว่าคนเมืองร้อนอย่างเราๆ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ..5555
แค่วิ่งลงไปถ่ายรูปแล้วก็วิ่งขี้นรถรับไออุ่นของฮีตเตอร์ในรถก็นับว่าเก่งแระ
แต่ขอบอกว่าน้ำตกที่เราเห็นในตอนนี้กับช่วงหน้าหนาวไม่เหมือนกันนะจ๊ะ
เพราะเราจะเห็นน้ำตกที่ไม่ไหล...อิอิ ก็น้ำที่เห็นตกเป็นสายมันกลายเป็นน้ำแข็งหมดแลย
จะมีแต่ด้านในที่ยังรินไหลอยู่นิดหน่อยเหมือนน้ำตกหน้าแล้งบ้านเรา
ไหลกระซิกๆ เหมือนคนร้องไห้... ว่าแล้วไปดูความเข้มแข็งของเค้ากันดีกว่า





หลังจากเข้าไปชมคุณท่านใกล้ๆ แล้วสภาพของเราก็เหมือนไปเดินตากฝนมาอย่างที่เห็น
นี่คือสาเหตุว่าทำไมอิฉันต้องเปลี่ยนเสื้อคลุม เพราะจะต้องใช้เสื้อที่กันน้ำได้ด้วย ...
มิฉะนั้นเปียกค่ะ เพราะความแรงของสายน้ำตกที่ลงไปกระแทกเบื้องล่างมันรุนแรงจนเป็นละอองน้ำพวยพุ่งกลับขึ้นมาคล้ายสายฝนตลอดเวลา
เราก็เลยเปียกปอนอย่างที่เห็น อิอิ



เสร็จภารกิจการเยี่ยมเยือนพระเดชพระคุณท่านก็เย็นย่ำ..ถ้าเป็นบ้านเราแดดผีตากผ้าอ้อมคงมาเยือน เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไป 6 โมงกว่าๆ แระ
แต่สำหรับที่นี่ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน...ยังสว่างพอที่เราจะไปเที่ยวกันต่อ...
เราจะเดินทางไป..ไป..ทะเลสาบมรณะ เอ้ย..ทะเลสาบ Þingvellir ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์
ประวัติอันยาวนานของเค้าเราจะไปค้นหามาเล่าให้ฟังภายหลังแล้วกัน อิอิ
วันนี้ขี้เกียจ 5555 รู้แต่ว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่ประชุมรัฐสภาในสมัยก่อนเท่านั้นเอง อิอิ
คนไทยเรามักจะมาเที่ยวที่นี่กันเพราะว่า..อาหารค่ะ..อาหารที่เวียนว่ายอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้
นั่นคือปลานั่นเอง ปลาน้ำจืดที่หลังจากตกมาได้ บางคนได้มากก็จะเอามาตากแห้งทำปลาเค็มขายไปเลยก็มี
แต่ขอบอกว่าการจะมาตกปลามิใช่ว่ามาถึงก็เหวี่ยงเบ็ดนะคะ
ต้องเสียสตางค์เจ้าค่ะ วันนึงก็ประมาณ 500 บาทต่อคันเบ็ด 1 คัน
ส่วนเหยื่อก็จะเป็นเหยื่อปลอมที่นักตกปลาของเราบางคนก็มานั่งตกแต่งเอาเองเพื่อหลอกล่อบรรดาคุณปลาทั้งหลาย 5555
อิฉันได้อานิสสงฆ์จากคุณเพื่อนที่ชอบการตกปลาเป็นชีวิตจิตใจในทุกซัมเมอร์ แถมตัวใหญ่ๆ ด้วยนะคะ..อืมมมม..อร่อย



ที่นี่มีสถานที่นึงเป็นบ่อน้ำผุด...น้ำจะใสมากมาย บรรดานักท่องเที่ยวจะนิยมมาโยนเหรียญ
เพราะเชื่อกันว่าหากโยนเหรียญไว้เราจะได้กลับมาเยือนอีก...มิน่า..อิฉันได้กลับมาบ่อยเชียว...
เพราะโยนไว้ทีละหลายๆ เหรียญ อิอิ...แบบว่าติดสินบนด้วยไง


ตรงนี้จะเป็นโบสถ์ และ อาคารรัฐสภากลางแจ้ง ใครไปใครมาก็ต้องถ่ายภาพตรงนี้ไว้เป็นที่ระลีก..
ถือว่าติดไว้ก่อนแล้วกันสำหรับประวัติที่น่าสนใจของทะเลสาบแห่งนี้ รวบรวมได้จะมาเล่าสู่กันฟัง
ก็ไม่อยากให้ข้อมูลผิดๆ อย่างที่เราเจอมาบ่อยๆ น่ะซิ



เราทั้งขับรถทั้งเดินถ่ายรูปเล่นกันจนเกือบ 2 ทุ่ม...ถ้าเป็นบ้านเราเวลานี้คงมืดค่ำ พร้อมอันตรายรอบด้านในสถานที่เปลี่ยวเช่นนี้
แต่สำหรับที่นี่ ประเทศนี้...อิฉันว่า...คงไม่มีส่วนไหนของโลกน่าอิจฉาเท่าที่นี่อีกแล้ว เพราะแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ 2 คน (เนียน..อิอิ)
เราก็สามารถเดินทางได้อย่างสบายใจไร้กังวล...

จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วันนี้คงจะคลานขึ้นที่นอนแน่ๆ ...แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ...
เพราะจริงๆ แล้วเมื่อวานเราได้ทำอะไรๆ สนุกๆ เล่นในเมืองด้วย แบบฮา ฮา...ไปละ
ขอให้คนอ่านมีความสุข คุณพระคุ้มครองนะจ๊ะ...บ๊าย...บาย