14.12.10

เพลงรักแห่งกาลเวลา กับน้องกัน..คนรุ่นใหม่..

หลังจากรอคอยมาระยะเวลาหนึ่ง นับจากวันแถลงข่าว...วันนี้ก็มาถึง...



เพลงรักแห่งกาลเวลา ที่ทางผู้จัดได้รวบรวมบทเพลงที่นับว่าเป็นอมตะและไพเราะมาขับกล่อมให้พวกเราฟังกัน...ศิลปินก็เป็นศิลปินที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นคุณรุ่งฤดี คุณจิตติมา รวมถึงน้องกัน...ส่วนคุณวินัย และคุณพี่สุวัจชัย ก็นับว่าเป็นศิลปินที่มีคุณภาพกันทั้งสิ้น....


แต่ถ้าจะให้สารภาพ ก็คงเหมือนๆ กับลูกๆ หลานๆ ที่แรงจูงใจอันดับแรกและสูงที่สุดที่ดึงดูดให้ไปงานวันนี้คือ...เสือกันตัวน้อยๆ ของเรานี่เอง...เอิ๊กๆๆๆ คงไม่มีใครปฏิเสธ นอกจาก คุณด๊อกเตอร์ฟิต....ฮ่าๆๆๆ


หลังจากรวมพลนัดกันกับสมาชิกนับสิบชีวิตแล้ว เราก็เดินทางเข้าสู่โรงละครแห่งชาติ..ก่อนบ่าย นั่นหมายถึงจะมีเวลาพบปะสังสรรค์คนรักกันสักระยะ....โอ้...โห..โผล่เข้าไปก็คนคุ้นเคยจนหลายๆ คนแทบจะกลายเป็นญาติกันไปซะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณพี่อัมรา ที่เจอหน้าเป็นต้องขอกอด ดีนะที่ยังไม่หอมดอมดมด้วย ...คุณป้าชาเย็น อ.ฉวีคนดีศรีสังคมขอนแก่น....สาวๆ บ้านใต้ถุนที่น่ารักมากันอย่างพร้อมเพรียง แต่..บ้านนี้ถ้าไม่มาถือว่าแปลก เอิ๊กๆๆๆ แซวเล่นขำๆ นะคร้า...บ้านครก ก็มา แล้วก็มีสาวน้อยนางนึงเข้ามากอด แหม...มีคนน่ารักๆ มากอดก็สวมกลับเข้าไปเลย...แต่ก็ถามว่า..ใครค๊าาาาา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ กลายเป็นหนูจุ๊ยนี่เอง ก็ไม่ค่อยแปลกใจซะเท่าไหร่เพราะคาดว่าคนชื่อแบบนี้ก็ควรจะน่ารักแบบนี้นั่นแหละ (เอามาสิบบาท อิอิ) ทั้งคุณหนิง ที่ส่งขนมมาให้รับทานอยู่เนืองๆ และวันนี้ก็ยังมีน้ำใจหอบหิ้วมาให้อีก....แต่ได้เห็นตัวเป็นๆ แระ สวยทีเดียว...เนี่ยแหละ...แฟนๆ นภัทรเค้าหน้าตาดีกันทั้งน๊านนนน เอิ๊กๆๆๆๆ แต่ที่เสียใจเห็นจะเป็น คุณหลานนกน้อย ที่อุตส่าห์หอบกะหรี่ปุ๊ปปั๊ปมาจากสระบุรี...ยังคงต้องฝากผ่านคุณหลานตุ๊กแถมาให้เหมือนเดิม ทำไมเราแคล้วคลาดกันได้ขนาดนี้เนี่ย...กระซิก กระซิก อ.ฉวีก็ยังไม่วายที่จะหอบหมูหยองมาให้ด้วย...แหม...คิดว่าจะมาตัวเปล่า กลับตัวเปล่า ต้องแบกขนม นมเนย มาเพิ่มไขมันในร่างกายกันอีก...สงสัยต้องไปฟิตเนสแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆ ขอบคุณกับน้ำใจงามๆ นะเจ้าคะ....ทักทายพูดคุยสนทนาวิสาสะไปได้เล็กน้อย ก็ได้พบคู่บ่าวสาวในงานนี้...คุณวิจารณ์และคุณวรรณา...ก็จะไม่ให้คิดเช่นนั้นได้ไงคะคุณพ่อ คุณแม่ขา....ต้องยืนยิ้มถ่ายรูปกับผู้ร่วมงานตลอดเวขนาดนี้...เอ่อ...ว่าแต่ตอนนี้สามารถหุบปากได้ยังคะ ....ว๊ากกกกกกกกก ใครขว้างไรมา ยายแค่แซวเล่นนะ เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


สาวงามเมืองสุพรรณอีกคนที่ยังน่ารักไม่เสื่อมคลาย คุณมี้ของเสือนั่นไง...ว่าแต่ถามอายุกันทำไมคะคุณหมวย อิฉันน่ะแก่แล้วค่ะ...ยอมรับค่ะ..ยอมรับ...เอ...ใกล้จะได้เวลาแล้ว ผู้คนก็ทยอยกันเข้าไปจับจองเรียกหาที่นั่งกันแล้ว ทำไมคุณด๊อกเตอร์ของอิฉันยังไม่มาละเนี่ย....


"ฮัลโหล...อยู่ไหนแล้วคะ" รีบกรอกเสียงจิกลงไปทันที


"อ่อ..ทานข้าวผัดกระเพราอยู่ข้างรั้วนี่ละครับ" อพิโถ โถ โถ...ลืมไปว่าบินมาจากภูเก็ตแต่เช้า...ลงเครื่องก็ต้องดิ่งตรงมาเลย..คงจะหิว งั้นตามสบายค่ะ แต่อยากละเลียดบดอยู่ล่ะ อันหลังนี่ไม่กล้าพูดค่ะ กลัวโดน....(อืบ) กร๊ากกกกกกก


แล้วเราก็เม้าท์มอยกันเรื่อยเปื่อย ล้วนแต่ไร้สาระหาความที่ประติดประต่อกันไม่ได้เลย...รู้อย่างเดียวว่ามีความสุขจริงๆ อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้นานๆ กลิ่นอายของความสุข กลิ่นอายของไมตรี มันอบอวลยิ่งนัก...เฮ้อออออออออออออ


แต่กาลเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง เพราะเวลาเหล่านั้นมันกลายเป็นอดีตอีกวันให้เราเก็บใส่เมมโมรี่ไว้ระลึกถึงอย่างสุขใจ....เราย่างเท้าเข้าสู่โรงละครเมื่อพิธีกรประกาศเรียกน้องกันออกมารับช่อดอกไม้อย่างพอดิบพอดี....อืม...รู้เวลาแต่ไม่รู้กาละเทศะเอาซะเลย ยายเอ๋ย...แต่ว่าไม่ได้นะคะ เพราะดิฉันต้องรอคุณด๊อกเตอร์ เนื่องด้วยติดภารกิจเรื่องตั๋วนั่นแหละ อย่าว่ากันเลยน๊า..นะ..นะ...แอบมีลูกอ้อนแระ..สงสัยติดจากคุณหลานหมออี๊ดแน่ๆ ....


ที่นั่ง c4 เป็นที่นั่งที่อยู่ในหมู่มวลคนรักน้องกันอย่างแท้จริง....หลังจากที่รับช่อดอกไม้เรียบร้อย พิธีกรก็เริ่มเกริ่นนำเข้าสู่เพลงชุดแรก...ซึ่งเริ่มที่คุณรุ่งฤดี และในเพลงที่สองนี่เอง ที่น้องกันต้องออกมา feat. เอ้ย..ร้องคู่กับคุณรุ่งฤดีในเพลงใต้ร่มมลุลี....วงดนตรีที่บรรเลงให้ในวันนี้เป็นวงออเครสตร้า...ของกรมศิลปากร...ซึ่งอิฉันว่าเหมาะมากกับเพลงลูกกรุงทีเดียว....คุณรุ่งฤดีแม้จะอาวุโส..แต่ก็ให้เกียรติรุ่นหลานอย่างน้องกันอย่างมาก.....ยายอยากให้น้องกันจดจำกริยาเช่นนี้ไว้นะครับ...การให้เกียรติคนเป็นการแสดงออกซึ่งความมีอารยะโดยแท้ และคิดว่าน้องกันคงมีสิ่งนี้อยู่ในตัวอยู่พอสมควรแล้ว....เพราะยายก็เห็นน้องกันแสดงออกถึงความเคารพ ไม่ล้ำเส้นของความเป็นศิลปินรุ่นใหม่ แม้จะมีดีกรีของการชนะเลิศอันดับหนึ่ง ก็ยังไม่แสดงออกว่าข้าเก่งแม้แต่น้อย สุภาพ อ่อนน้อม แม้ยามแสดง...น่ารักจริงไอ้หม๊า....ยายต้องแอบหันไปชำเลืองมองคุณพ่อ คุณแม่ที่นั่งด้านหลังออกไป....ดูท่านทั้งสองมีความสุขเสียจริงๆ...เราก็ปลื้มใจแทนด้วย....วันนี้น้องกันร้องเพลงได้ไพเราะเสียงที่ดูเหมือนไม่สมบูรณ์นัก อาจจะเพราะเมื่อวานมีงานถึงสองงาน ตั้งแต่เช้าจนดึก อาจจะทำให้เสียงไม่ใส แต่...ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี...ด้วยความตั้งใจประกอบกับเนื้อเสียงที่ยอดเยี่ยม น้องกันก็ผ่านมันได้ชนิดที่เรียกว่า....ประทับใจ...กันทีเดียว....
แล้วคุณรุ่งฤดีก็ร้องกับคุณศุภชัย..หรือคุณเอ...ในเพลง พรพรหม..ซึ่งเพลงนี้คงจะเป็นเพลงเดียวในวันนี้ที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ก็เคยฟังมาบ้างนานนนนนนนนนนนน มาแล้ว...แล้วที่ขำมากมายคือ คุณหลานหมออี๊ดเธอส่งคุณแม่มานั่งประกบอิฉันค่ะ...คุณแม่กับคุณลูกก็ไม่ค่อยต่างกัน เม้าท์เก่งทั้งคู่ แต่ด้วยที่ได้คาดโทษไว้ว่า หากจะให้คุณแม่มานั่งข้าง ห้ามชวนเม้าท์ เพราะจะต้องถ่ายคลิปเดี๋ยวมีเสียงแทรก...คุณแม่ก็เชื่อฟังดีค่ะ...แต่...คุณแม่กลับไปนั่งเม้าท์ข้างๆ กับคนแปลกหน้าซึ่งก็หาใช่ใครไม่ เป็นน้องยุ้ยของยายเอง กร๊ากกกกกกกก อันน้องยุ้ยก็ไม่รู้จักรู้แต่คุณป้าเธอชวนคุยก็เลยเออออห่อหมกไปด้วยเพราะแน่ใจว่า คุณป้าเธอต้องชอบน้องกันแน่ๆ เพราะเสียงที่พูดถึงช่างแสดงออกยิ่งนัก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ เอ่อ..คุณแม่ ยายไม่ได้เม้าท์นะคะ น้องยุ้ยเค้านินทา...เอิ๊กๆๆๆๆ ส่วนเพลงที่เหลือคือ สนต้องลม ก็เป็นเพลงโปรด ส่วนชะตาฟ้าก็ร้องคลอๆ ได้เลยคร้าาาาาาาาาาาา....



เพลงในชุดที่สองนี่...เพลงแรกของชุดนี้เป็นเพลงที่ตั้งใจมาก เพราะมันคือน้ำตาแสงไต้ที่สะท้านวงการของน้องกันนั่นเอง...ตอนนี้ใครจะเคยร้องมาบ้าง ยายไม่สน รู้แต่ว่า...เพลงนี้ของน้องกัน เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้ววันนี้น้องกันร้องกับวงออเคสตร้า...ว๊าวๆๆๆๆ มันคงผสมกลมกลืนกับเสียงนุ่มๆ ขยี้ฟองเบียร์ได้ละเอียดนัก....


นวลลลลลลลลลลลล เจ้าพี่เอยยย....โอวววววววว มายก๊อดดดดดดดดด....มือที่ถือกล้องวีดีโอ พยายามให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ หูที่จ้องจะตึง ก็พยายามจะเก็บเม็ดละเอียดของเสียง ตาที่ทั้งมองผ่านจอและเหลือบแลขึ้นไปมองหน้าจริงๆ ในบางครั้งก็พยายามให้โฟกัสแจ่มที่สุด....แม้มันไม่ใช่เวอร์ชั่นที่ต้องทอดเสียง เล่นเสียงเหมือนในยามประกวด แต่การร้องกับวงแบบนี้มันให้อารมณ์ที่สุนทรีย์และชวนเคลิบเคลิ้มได้เป็นอย่างดี....การเล่นลูกคอ การบดขยี้เสียงในลำคอ ถือว่าเหนือชั้นจริงๆ ลูกเอ้ยยย ไม่ได้อวยเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพลงจบเมื่อไหร่ ไม่ทันตั้งตัวจริงๆ แต่เสียงซี๊ดซ๊าดที่แว่วมาจากข้างๆ กาย นี่มันทำให้ยายต้องยิ้มกับตัวเองอย่างอิ่มเอมใจเป็นที่สุด...เพราะมันแสดงว่า ยายไม่ได้เคลิ้มอยู่คนเดียว เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พอกดปิดวีดีโอ ก็ต้องรีบวางแล้วปรบมือให้ไอ้เสือของยาย แต่ก็ยังไม่วายแอบหันไปมองๆ รอบกาย ....ได้เห็นรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าแต่ละคนแล้ว...มันสุขใจอย่างบอกไม่ถูก...ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร..แต่ ณ วันนี้ น้องกันครองใจคนชราในโรงละครได้หมดทีเดียว.....


ต่อมาก็เป็นเพลงหัวใจมีปีกของคุณจิตติมา ตามด้วยมนต์รักดอกคำใต้ที่คุณจิตติมาร้องคู่กับคุณเอ ศุภชัย แต่ตลกตรงที่น้องๆ แฟนคลับน้องกัน เปิดป้ายไฟตัว เอ...คุณจิตติมาเลยชี้ให้คุณเอดูแล้วบอกว่า ไม่ยักมี เจ จิตติมาบ้างเลย...ฮ่าๆๆๆ


เพลงในชุดนี้ที่เหลือ ร้องได้ทุกเพลง อุ๊บบบบส์... แต่ที่ชอบที่สุดคงเป็นหงส์เหิร....แบบว่าอยากเป็นหงส์ จะได้มังกร เอ้ย..จะได้อยู่เหนือมังกร...ส่วนเพลงโปรดของคุณด๊อกเตอร์ก๊ะอาจารย์ฉวีคงไม่พ้น ผู้ชนะสิบทิศ...เห็นลุกขึ้นปรบมือแบบฝรั่งเลยอ่ะ....เลยเอามาฝาก..แต่ก็นะ...มันเจิ๊ดจริงๆ นั่นแหละ....

แล้วก็เข้าสู่ช่วงที่สาม...ครั้งแรกได้ข่าวมาว่าน้องกันจะร้องสี่เพลง แต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้น...เพลงนี้จึงเป็นเพลงบังคับ แต่ก็หวังลึกๆ ว่าจะได้ยินเพลงอื่นจากอัลบั้มให้มันเข้ากับคอนเซปต์เพลงเก่าๆ เช่น เพลงพยุง หรืออย่างดีก็หวังดีประสงค์รัก...แต่เมื่อบังคับให้เราฟังเพลงชาติของน้องกัน เราก็ยินยอมและแฟนๆ ก็พร้อมจะร้องไปกับน้องด้วย....โดยพิธีกรได้กล่าวว่าน้องกันมีงานเยอะ เลยขอให้มาอยู่ช่วงนี้แทน ทำให้ช่วงนี้มีเพลงถึง 7 เพลงให้ฟังกันอย่างต่อเนี่อง.....แฮ่ะๆๆๆ ล้วนแต่รู้จักทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น สิ้นกลิ่นดินที่คุณวินัย พันธุรักษ์ ขับร้อง หนึ่งหญิงสองชาย ที่โปรดปรานโดยคุณอุมาพร บัวพึ่ง สักขีแม่ปิง นกเขาคูรัก และ กินรีเล่นน้ำ แต่เพลงหลังนี่แค่เคยได้ยิน อิอิ แล้วน้องกันก็ออกมาบดขยี้ใจด้วยเพลง ระยะทำใจ...และเป็นเพลงเดียวที่ใช้ซาวด์แทรก...ซึ่งยายรู้สึกขัดเคืองยิ่งนัก อยากรู้ว่า เพลงนี้ถ้าทำเป็นออเคสตร้ามันจะน่าฟังขนาดไหน....รมณ์เสีย...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ก็นะ ด้วยความหล่อน่ารัก สดใส ของนายนภัทร มันก็ทำให้มองข้ามๆ ไปได้...นภัทรในสูททรงแบบนี้ไม่ว่าจะขาว ขลิบดำ หรือ ดำขลิบขาว...ดูดีจริงๆ กริยา มารยาทดูกลมกลืนกับเวทีแบบนี้ได้ดีทีเดียว....แล้วน้องกันก็จากไป...ด้วยการหอบข้าวของที่แฟนๆ พากันเอามาฝากลักษณะจัดเต็ม...ร้องเพลงคงยังไม่เหนื่อยเท่ากับการแบกของและรอยยิ้มกับความสุขของแฟนๆ กลับไปด้วยแน่ๆ ชิมิ เสือโตแล้วของยาย....



ตอนนี้มีแฟนคลับบางส่วนได้ลุกออกไป อาจจะต้องการไปส่งเสือน้อยแต่ด้วยเป็นเพลงเริ่มต้นของชุดนี้ ส่วนมากก็เลยไม่ได้ลุกตามกันออกไป แล้วเราก็ได้ฟังคุณวินัย คุณอุมาพร รวมทั้งเด็กรุ่นใหม่มาขับกล่อมเพลงเพราะๆ ให้เราฟังกันอย่างจุใจทีเดียว....


เพลงชุดที่สี่นี่ขอบอกว่ามีทีเด็ด...เพลงคืนหนึ่ง ที่ไพเราะ และเพลงคู่ที่ทุกคนต้องรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นจูบเย้ยจันทร์ ประเภท อุ๊ย..ว๊ายยย ดูสิช้ำไปเป็นกอง...คิดดูเค้าแบ๊วกันมาแต่โบราณแล้วนะเนี่ย...เอิ๊กๆๆๆ ส่วนเพลงรักที่มีคุณประเสริฐศรี จันทร์อาภรณ์ มาขับร้องนี่ ยอมรับว่า...เป็นการเอ็นเตอร์เทนที่สนุกสนานจริงๆ ...ความจริงนักร้องท่านนี้เคยได้ชมผลงานของท่านบนเวทีมาบ้างแล้ว ท่านร้องเพลงได้หลายภาษามากค่ะ ล้วนแล้วแต่สร้างความบันเทิงที่เรียกว่าบันเทิงจริงๆ แต่ด้วยห่างหายไปจากเมืองไทยหลายปี มาเจอคราวนี้ ท่านก็ยังบันเทิงให้เห็นอีกจนได้ ไม่ว่าการร้องเพลง รัก...ที่ร้องกับเด็กรุ่นหลาน ท่านก็ยังมีลูกเล่นแพรวพราวให้เรายิ้มได้ตลอดเวลา แต่มิใช่ว่าท่านแสดงคนเดียวนะคะ...ท่านยังส่งลูกเล่น ส่งมุขให้นักร้องรุ่นหลานได้ร่วมอยู่ในความบันเทิงนั้นด้วย....แต่เพลงสุดท้ายของชุดนี้....มันได้ใจจริงๆ....ด้วยว่าท่านจูงคู่ที่ร้องด้วยกันลงมาหน้าเวทีค่ะ...ระหว่างร้องเกี้ยวพาราสี ท่านกลับไม่สนใจรุ่นลูก กลับบอกว่าอยากได้คนนี้ แล้วชี้มาที่เซเลปคนดังของเรา ด๊อกเตอร์ฟิต กรี๊ดดดดดดดดดดดดส์ ตาถึงนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ว่าแล้วก็ส่งมือมาให้ แม้จะต้องเอื้่อมผ่านเก้าอี้มาหนึ่งแถวก็เหอะ...พยายามจริงคุณแม่...แต่..จนบัดนี้คุณด๊อกเตอร์ก็ยังไม่ยอมเฉลยว่าคุณประเสริฐศรีน่ะ...หอมแค่ไหน...เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังไม่จบค่ะท่านผู้ชม แม้ว่าเด็กน้อยจะปองใจรักท่านขนาดไหน ท่านก็ยังไม่ไปค่ะ ยังคงส่งสายตาปิ๊งๆๆๆ กับหล่อใหญ่ของเราต่อไป...ต่อเมื่อจบเพลงก็โน้มตัวส่งแก้มมาให้หอมกันซะฟอดใหญ่ กร๊ากกกกกกกกกกกกก คุณด๊อกเตอร์ขา...อิฉันก็แฝงพวงมะม่วงมาตั้งนาน ไม่ยักกะจัดให้แบบนี้บ้าง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ (อุ๊บส์ ตายละเดี๋ยวนางเอกเค้ามาเห็นเข้า เอ่อ...ซีนนี้ลบค่ะ ลบด่วน เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) ขอความกรุณาใครมีคลิปช่วงนี้จัดด่วน....ฮ่าๆๆๆๆๆ


ส่วนมนต์รักอสูร กับเพลงนัดพบที่ก็โปรดปรานเหมือนกัน ทำเอาคุณแม่หมออี๊ดถึงกับรำพึงรำพันว่า...คุณยายนี่ร้องได้ทุกเพลงเลยเนอะ....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณแม่ขา...อิฉันน่ะมืออาชีพคร้า...........


คอนเสิร์ตวันนี้....เป็นคอนเสิร์ตที่ยอมรับว่า แม้นภัทรจะจบไปตั้งแต่ครึ่งแรกของคอนฯ แต่อิฉันยังไม่อาจขยับเขยื้อนกายไปไหนได้เลย....ดูจนจบ ดูแบบตั้งใจ ฟังแบบเพลิดเพลิน ด้วยว่าห่างหายเพลงไพเราะแบบนี้ซะนาน...ตอนไปดูงาน สลน.ยอมรับค่ะไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เพราะเป็นเพลงที่ไม่ค่อยรู้จัก คิดดูทั้งคอนเสิร์ตรู้จักแค่ 4-5 เพลง แต่วันนี้ทั้ง 30 เพลงผ่านหูมาแล้วทั้งนั้น แถมบางเพลงยังเป็นเพลงที่นำไปร้องที่ต่างประเทศเสียด้วย...เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ ตลอดเวลาแห่งการชมยายก็คอยเหลียวมองรอบๆ กาย ทั้งซ้ายทั้งขวา อืม...คนเยอะดีเหมือนกัน....และที่เห็นเป็นแฟนคลับน้องกันซะครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว......รับรองว่า..เราจะได้เข้าชมคอนเสิร์ตแบบนี้อีกอย่างแน่นอน ฟันธง...เพราะว่าจุดขายของเค้าอยู่ที่น้องกันคนเก่งของเรานี่เอง...เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ตกลงว่าคอนเสิร์ตวันนี้ ได้ส่องน้องกันแค่สามเพลง แต่นับตั้งแต่ย่างเท้าออกจากบ้านตอน 10 นาฬิกาแล้วกลับถึงบ้าน 16 นาฬิกาครึ่งนั้น....มันเป็นการย่างเท้าออกจากบ้านแล้วมีความสุขจริงๆ ขอย้ำว่า...ชีวิตคนเรามันสั้นนัก...เวลาข้างหน้าจะมีอีกยาวนานแค่ไหน ใครบอกได้....แต่วันนี้..วันที่เราควรเก็บความสุขเพื่อตัวเอง และคนรอบข้าง...เก็บประสบการณ์เพื่อสั่งสมและถ่ายทอดให้คนรุ่นต่อไปในมุมมองของแต่ละคน...วันนี้ไม่ใช่วันแรกที่ยายเดินออกจากบ้านเพื่อความสุขและประสบการณ์ และคิดว่าคงไม่ใช่วันสุดท้ายเช่นกัน...แต่...หากเมื่อเรารับมันมาแล้วจะช้าใยที่จะหยิบยื่นความสุขที่ได้รับมาให้อีกหลายๆ คนที่ไม่ได้ไปได้รับและร่วมในความสุขนั้น และนี่เป็นอีกสุขหนึ่งคือสุขที่ได้ให้ความสุขแก่ผู้อื่น.....



ขอบคุณ...กระทรวงวัฒนธรรม และผู้ร่วมจัดงานครั้งนี้ทุกท่าน


ขอบคุณ...น้องกัน...ที่ยังคงเป็นคนนำความสุขมาให้ในหลากหลายรูปแบบ


ขอบคุณ..คุณพ่อ คุณแม่ และอาหมวยของน้องกัน....ยืนยันว่า ทั้งสามท่านน่ารักจริงๆ เอ่อ...คุณแม่คะ จริงอะป่าวที่บอกว่าแม่ก็ไม่ยอมให้น้องมีแฟนตอนนี้อ่ะ...เราตกลงกันแล้วนะว่า อีก 5 ปี ค่อยช่วยกันหาแฟนให้น้องกัน คริๆ


ขอบคุณ..คุณด๊อกเตอร์ คุณอาจารย์ฉวี คุณป้าโย ลุงหมู หลานตุ๊กแถ หลานแนน คุณป้าอมรา และอีกหลายๆ ชีวิตที่ร่วมวังวนความรักร่วมกัน....ขอบคุณสำหรับของฝากทุกชิ้นค่ะ...


ขอบคุณ...พื้นที่บอร์ด..ที่ให้ยายได้เวิ่นเว้อ...ขอให้อยู่กันไปอีกนานๆ เน้อ...


ขอบคุณ...exact ที่ปลุกปั้นดาวน้อยๆ ดวงนี้...หวังใจว่า...จะทำให้ดาวน้อยดวงนี้เปล่งรัศมีเป็นดาวฤกษ์ในอนาคตด้วยนะคะ.....


ขอบคุณ....ทุกๆ คอมเม้นท์...เพราะมันคือแรงใจจริงๆ...


ด้วยรักและปรารถนาดีจากใจ....ยายเอง

1.7.10

กัน นภัทร...ดาวดวงใหม่ของวงการ...

10 มีนาคม...จำจากจรจากเมืองไทย ลัดฟ้าไปหากินแดนไกล...

ก่อนหน้านี้ติดรายการเรียลลิตี้ที่ไม่คิดจะเคยติดตามมาก่อน
ก็แค่จะเชียร์เด็กน้อยคนนึง ที่ ณ ตอนนั้นจำได้แต่ชื่อน้องกัน

ช่วงก่อนบินเป็นเวลาที่ยุ่งเหยิง วิ่งซื้อข้าวของจนไม่ได้ดูคอนเสิร์ทเปิดตัว
ไม่เป็นไรน่า...เพราะว่าพอไปถึงทางโน้นคงมีคนอัพคลิปให้ดู
ปลอบใจตัวเองซะงั้น....

ไปถึงแล้วก็ยังวุ่นวายอยู่อีก 2 วัน...จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง...
วันที่ตกร่องเสียงของหนุ่มน้อยอย่างจัง...เพลงที่สูง...
เพลงที่พอจะผ่านๆ หูมาบ้าง เพราะเป็นเพลงของอ๊อฟ ปอง
ที่ชื่นชอบ...แต่....
เวอร์ชั่นของหนุ่มน้อย มันช่างบาดลึก กินใจ และปลอบประโลมหัวใจ
ได้ดี ด้วยเสียงที่นุ่มนวล เหมือนกับเค้าอยากปลอบโยนเราอย่างจริงใจ
ชมด้วยตาซึ้งด้วยใจ..กินใจด้วยน้ำเสียง...
สิ่งเหล่านี้แม้คำบรรยายก็ไม่อาจเท่ากับที่จะได้พบเห็นและดื่มด่ำด้วยตัวเอง...

หนึ่งคนที่ท้อ..จนอยากที่จะพอและอยากจะถอย ทิ้งชีวิตให้หลุดลอย
จากขึ้นบนที่สูงเพื่อจบมัน

เสียงที่ฟังดูท้อแท้และท้อถอย...เสียงร้องที่เหมือนกล่าวถึงความท้อถอย
ล่องลอยมาเรื่อยๆ จวบจนใกล้ถึงจุดนึง...เสียงร้องที่เปลี่ยนเป็นหนักแน่น

ว่าเราควรยืนมองดู อยู่เหนือหัวใจแห่งปัญหา และจะเห็นทุกเรื่องราวไม่หนักหนา
หมื่นทางตันยังมีทางหนึ่งให้ออกเสมอ

แค่ลองได้ยืนข้างบนที่สูง..แล้วก็จะรู้...ว่าอยู่ยิ่งสูงยิ่งเห็น.....

เสียงที่เปล่งจากใจ ด้วยภาษาของตัวโน๊ตกับความหมายของบทเพลง
ช่างสอดคล้องและสละสลวยเสียยิ่งนัก...

ฟังแล้วรับรู้ได้ว่า...หมื่นทางตันยังมีทางหนึ่งให้ออกเสมอ....ขอบคุณน้องกันมาก
นาทีนั้น...ขณะนั้น แม้ว่าจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต่างแดน แต่....พี่มีทางเลือกแล้ว






















ในแต่ละวันหลังจากการทำงาน เราจะต้องมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์
เพื่อติดตามเดลี่...รอดูว่าวีคต่อไปน้องจะร้องเพลงอะไร...
หลังจากสัปดาห์ที่สองผ่านไปอย่างสดใสน่ารัก และคอมเม้นท์ที่
น่าประทับใจ น้องกันต้องหนักใจกับโจทย์ที่หนักอึ้ง...ร๊อค...
น้องผ่านมันมาอย่างทุลักทุเล...แต่ด้วยคอมเม้นท์ของคุณเกลือ...
ถ้าไม่แพ้ซะบ้างจะรู้ได้ยังไงว่าชัยชนะมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน...
ใช่..น้องกันเป็นผู้แพ้ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ....

























เจ้าชายลูกทุ่ง....วีค 4 เป็นตำนานหนึ่งของเดอะดาวที่จะต้อง
กล่าวถึงไปอีกนาน....

โอ.....ละเน้อ...แม่ดอกสายหยุดบานเช้า....
แม่ดอกทองกวาวบานเย็น....

เสียงละห้อยหาด้วยการลากเสียงเอื้อนแบบลูกทุ่งแท้...
ชาวสุพรรณทำได้ดีอย่างแน่นอน...พุ่มพวง รับประกัน...
ทุกคนรับรู้ว่าน้องกันมีพื้นฐานอย่างดีในบทเพลงลูกทุ่ง
แต่นั่นไม่ได้ทำให้เด็กน้อยคนนี้มีความกดดันแต่อย่างใด
การได้ดูเดลี่ ทำให้เรารับรู้ได้ว่า เด็กคนนี้มีความมุ่งมั่น
อย่างแท้จริง เค้าไม่มีเบื้องหลังเบื้องลึกใดๆ มาขาย
ตัวเอง...เค้าใช้ความสามารถล้วนๆ ที่จะมาสู้กับตัวเอง
และเลือกที่จะใช้มันเรียกเสียงโหวตจากผู้ชม..
นับว่ากล้าหาญยิ่งนัก...
วันนี้...น้องกันร้องเพลงจากส่วนลึกของจิตใจอีกเช่นเคย...
เหมือนคนเดียวกับที่เราได้เห็นในวีคเปิดตัว....
และชื่นชมกับคำพูดที่ว่า อยากเข้ามาให้ถึงวึคลูกทุ่ง...
เราไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงในคำบอกของเด็กน้อยคนนั้น
แต่เรารู้ด้วยความรู้สึกลึกๆ ว่า....
น้องกันอยากชดเชยความเจ็บช้ำในอดีต อยากจะลบ
รอยแผลเป็นที่มีอยู่บนหัวใจ รอยแผลนั้นเกิดจาก

ความผิดหวัง ชอกช้ำในปีที่ผ่านมา....
พี่ชอบคำจำกัดความที่อ่านเจอของคนที่ชื่นชมน้อง...

น้องกันทำให้ความเป็นไทยมันเท่ห์....

คุณเพชร มาร์ ยอมพ่ายแพ้กับคำคอมเม้นท์ของตัวเอง...
ด้วยการกล่าวขาน....ตัวพ่อ...แด่..น้องกัน นภัทร...

ผู้แพ้ที่ยิ่งใหญ่...



















เห็นทีจะเบาใจด้วยร้อยเสียงในห้องส่ง คาดว่าคะแนนโหตวของน้องกันต้อง
เป็นที่ 1...ตามคาด...น้องผ่านวีคนี้อย่างสบาย...แต่...น้องจะรู้ไม๊ว่า...
มีคนๆ หนึ่งได้เขียนบทวิเคราะห์ วิจารณ์ การร้องของแต่ละคนอย่างละเอียด
ถี่ถ้วน ราวกับเป็นปรมาจารย์ทางดนตรี...
และหลายๆ คอมเม้นท์ก็ยกย่องว่าเป็นจริงตามนั้นทุกประการ...
น้องกันเชื่อไม๊...เค้าชมน้องกันอย่างมากมาย และให้คะแนนน้องกันมากกว่า
ทุกคนในการแข่งขันวันนั้น...ซึ่งก็คงตรงใจผู้ชมทั่วประเทศ...
แต่...สิ่งที่ไม่น่าเกิดก็เกิดขึ้นเมื่อประกาศคะแนนกลางสัปดาห์
ทำไม หนุ่มน้อยที่ไม่เคยอยู่รั้งท้ายเลย....
แต่หลังจากทำคะแนนดีเยี่ยมและผ่านฉลุยมาหยกๆ
กลับได้คะแนนกลางสัปดาห์เป็นสองคนสุดท้าย....
เป็นครั้งแรกได้เห็นน้องกันเครียด..

ได้ยินคำพูดที่ปลอบใจตัวเองว่า...
เป็นสัมผัสใหม่ในการนอน...
เสียงสัมภาษณ์ปนเสียงหัวเราะนั้นไม่แจ่มใส่ค่ะ
คะแนนที่ได้ยินคงกดดันน้องมากมาย...
จนเมื่อโปรดิวเซอร์ให้โจทย์เพลงป๊อปช้า...ของที่เธอไม่รัก...

ทำไมมันเหมือนจัดฉากยังไงก็ไม่รู้...แต่...
ถ้าเป็นการจัดฉาก นับว่าเป็นกลยุทธการตลาดที่เฉียบคมมาก
และแม้แต่ป๊อปแดนซ์ ที่แม้ว่าจะดูเขินๆ ในสายตา แต่ยอมรับว่า
น้องกันก็ทำได้ดี และน่ารัก มองออกเลยว่าแดนซ์แบบนี้ไม่ใช่ทางของคุณ
ส่วนป๊อปช้า...คำตอบที่น้องกันได้...

ของที่เธอไม่ได้รัก สักพักเธอคงจะขว้างทิ้ง ต่างกับสิ่งที่รักจริง
เธอกลับทิ้งไม่ลง

เสียงตัดพ้อมันได้อารมณ์มากค่ะ น้องชาย...
เหมือนตัดพ้อคนที่โหวตให้ในวีคที่แล้วว่า คงมาโหวตให้ชั่วคราว
รักหลงเฉพาะเวลา แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปเลือกคนที่เคยโหวต

เธอก็คงจะเลือกเขา ถ้าเขาจะกลับมาหา....
และฉันก็รู้ว่า ต้องเสียน้ำตาอยู่แล้ว.....และฉันก็รู้ว่า...ฉันไม่ใช่ตัวจริง..

หยอดคำสุดท้ายได้สะเทือนใจจริงๆ
และแม้แต่คนที่กำลังถูกเลือกได้ฟังเพลงนี้ต้องเสียน้ำตาแน่นอน...

ค่ะ...คำตอบของน้องกัน...คือ...คุณได้ไปต่อค่ะ...เพราะหลายๆ คน
คงเสียเงินกลัวน้องจะเสียน้ำตาถ้าต้องออกไปตอนนี้...

นับจากนี้ไป...คือ ตำนานของเด็กผู้ชายที่ชื่อนภัทรค่ะ...

วีคนี้เหมือนน้องกันได้ปลดปล่อยถึงความกดดันทั้งหลายทั้งปวง
ความมั่นใจดูเหมือนทวีมากขึ้น น้องเฝ้าเพียรฝึกฝน พัฒนาการร้อง

ดูจากเดลี่ เมื่อรู้ว่าต้อง Feat. กับนักร้องระดับตัวแม่...
พี่รู้ว่าลึกๆ แล้วน้องกันก็อยากร้องกับแก้ม แต่ด้วยความที่เป็น
คนถ่อมตน...แล้วโปรดิวเซอร์มีหรือที่จะพลาด...
โจทย์ที่ยากเท่านั้นจะทำให้เห็นศักยภาพและการพัฒนาการ
อย่างเด่นชัด ถ้าน้องร้องกับคนอื่นหรือร้องเพลงธรรมดาๆ มันก็จะ
กลายเป็นว่า น้องทำได้แค่นั้น...แค่รักษาระดับเฉยๆ...
ขอบคุณโปรดิวเซอร์และทีมงานค่ะ ที่หยิบยื่นสิ่งเหล่านี้...ทำให้น้องกัน
ได้รับรู้ว่า...น้องกันเป็นคนมีดี มีของค่ะ จงปล่อยมันออกมา....

และน้องกันก็ไม่ทำให้คนรักคนเชียร์น้องกันผิดหวัง...
หลังจากคอนเสิร์ทนี้ เรารู้ได้ด้วยซิกเซ้นท์ทันที...นี่แหละผู้ชนะ...

และแล้วผลการโหวตจากผู้ชมทั่วประเทศก็พร้อมใจกันให้
น้องกันเป็นหนึ่งใน 3 คนสุดท้าย...น้องกันต้องประกาศ
ถึงความยิ่งใหญ่ยามอยู่บนเวทีค่ะ...เพราะน้องเคยประกาศ
และสยบคนดูมาแล้ว เมื่อวีคลูกทุ่ง...พี่จะรอ..

























ช่วงเวลารอมินิคอนเสิร์ทช่างเนิ่นนานเสียเหลือเกิน
ด้วยเป็นเทศกาลสงกรานต์ และคงต้องการให้น้องๆ
ได้ฝึกฝนการร้องและคิดคำพูดที่จะต้องพูดเข้าเพลง
แต่สำหรับคนรอ...ตื่นเต้นค่ะ...เพราะดูจากเดลี่แล้ว
เราคาดหวังมากมายกับ 2 เพลงตรงกลางที่น้องจะร้อง
สุดท้ายเวลาที่รอคอยก็มาถึง...วันนั้นทำงานไม่เป็นสุข
เพราะลุ้นว่า คนอัพคลิปจะทำเร็วหรือไม่...
กลับถึงบ้านปุ๊ป เปิดคอมฯปั๊ป....ขอบคุณน้องที่อัพคลิป
อย่างมากมาย เป็นคลิปแรกที่อยากจะกรี๊ด...
มันชัดเจนมากค่ะ...ชัดจนมองเห็นประกายตาของน้องกัน
ส่งผ่านมาเลย ประกายตาของคนมีความสุขที่ได้ขอบคุณ
คนเชียร์ ไม่ว่าอยู่ส่วนไหนของโลก...พี่รับรู้แล้วค่ะ...
น้องกันครับ...แม้การพูดของน้องกันยังดูขัดเขิน...
แต่เพลงที่น้องร้อง มันเกินคำพูดค่ะ....
แค่เสียงฮัมเบาๆ เมื่อเริ่มร้อง น้ำตาแสงไต้....
หลังจากชม 1 รอบ พี่ต้องคลิกเพื่อฟังโดยไม่มองภาพ
น้องกันครับ...การใช้ลูกคอของน้องกันมันสั่นคลอน
ความรู้สึกได้ดีครับ...ดีมากๆ
ทุกๆ พยางค์ที่เอื้อนเสียงตามตัวโน๊ต ....
ดื่มใจพี่....เสียจริง...โดยเฉพาะ...

จำใจข่ม...ใจไป...จาก...นวล....

นวล..เจ้า..พี่...เอย........

คงไม่มีใครข่มใจจากน้องกันได้อีกเลย...น้องก็ทำให้
พี่มีความสุขเหมือนกันค่ะ....และพี่ตัดสินใจนำเพลง
นี้ไปร้องในงานคนไทยงานนึงด้วย....ขอบคุณค่ะน้องชาย
แล้วเพลงที่พี่รอคอยก็มาถึง...มันเป็นจริง..
พี่คาดหวังมากมายว่าน้องควรต้องร้องเพลงนี้...
เพลงโปรดของพี่ค่ะน้องกัน...
เพราะพี่เคยโดน....แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ...มาแล้ว

ฉัน....เหมือน....คนไม่มีกำลังและหมดแรงจะยืนจะลุกจะเดินไป....

อาการจะขาดอากาศหายใจมันเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งมันก็ยังรู้สึก....เศร้า...สะเทือนใจ...
น้องกันครับ ณ วันนี้ น้องกันคือนักร้องอาชีพแล้วครับ...
แม้น้องบอกว่า.... จะได้ไม่ลืมกัน ...
แต่พี่ฟังไม่รู้เรื่องแล้วครับ...เพราะพี่ลืมกันไม่ได้แน่นอน...

ยอมรับว่า...มินิคอนฯ กันและกัน..ในวันนั้น
เป็นคอนฯ ที่ประทับใจ และน้องคือผู้ชนะในสายตาพี่
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา......
เพราะพี่คิดว่าพี่ต้องได้ดูคอนเสิร์ทสองคนสุดท้าย
และนั่นคือการดูคอนเสิร์ทของนักร้องคนนึง..ไม่ใช่..
ผู้เข้าแข่งขันเดอะสตาร์.....


















แน่นอนค่ะ....คอนเสิร์ทครั้งนี้พี่ดูแบบสบายๆ...เพราะน้องเล่นแบบสบายๆ
ไม่มีอะไรให้คิด เป็นคอนเสิร์ทที่ดูเพลิดเพลิน อบอุ่น เหมือนอย่างที่พี่คิด
คือ...การได้ดูคอนเสิร์ทของนักร้องมืออาชีพ...น้องทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น
การเต้นที่ดูทีไรก็ยังยิ้มกับ...ความน่ารัก..มากมาย...
เศร้าใจกับ...ระยะทำใจ...
แต่ที่ชอบมากของคอนฯ นี้ ..รักแท้ดูแลไม่ได้..ที่ทุกวันนี้พี่ต้องเปิดดูอย่างน้อย
วันละครั้ง...เพราะเพลงนี้มันเกิดกับตัวเอง และต้องอยู่คนเดียวจนทุกวันนี้...เฮ้อ...
น้องกันครับ...ไม่น่าเชื่อว่าเพลงหนุ่มสุพรรณที่พี่แอ๊ดร้องไว้ในอดีต น้องกันจะนำ
มาร้องได้น่ารัก น่าหยิก ...แถมมีลูกเล่นจนสาวน้อย..สาวใหญ่..เอ็นดู ไอ้หม๊าาาา
คนนี้ตราบจนทุกวันนี้...
เสียงออดอ้อนตอนท้ายของขลุ่ยในเพลง...หยาดเพชร...กับสายตาที่น้องมอง
คุณพ่อ...มันก็เป็นความประทับใจให้กับผู้คนที่ได้ชม ณ วันนั้นอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่น้องกันพูดก่อนเข้าเพลงสุดท้าย...มันจับใจและทำให้คนที่เคยรู้สึกว่า
เป็นผู้แพ้ได้กำลังใจขึ้นมาได้อย่างแน่นอน...เพราะน้องบอกว่า คุณคือผู้ไม่แพ้
ขอบคุณครับน้องกัน...แม้เวลานั้น น้องจะเป็นเพียงผู้เข้าแข่งขัน...
แต่สำหรับพี่...น้องคือ....ดาวดวงใหม่ของวงการ...




































24.6.09

กำลังใจ...ให้คนท้อแท้...

ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร

เพชรมีค่ามากกว่าถ่านหลายล้านเท่า

ทั้งๆ ที่เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกัน

ไม้ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน

แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า ห้าพัน องศาฟาเรนไฮต์

ได้รับความกดดันมากกว่า หนึ่งล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว

ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร

เพชรที่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม

พร้อมๆ กับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก

ถ้าท่านกำลังได้รับความกดดันอยู่ จงอดทน และอดทน

ถ้าท่านกำลังถูกเคี่ยวถูกสับ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้

จะทำให้เป้าหมายสั่นคลอนได้หรือ

ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้น แสดงว่าชัยชนะกำลังอยู่ข้างหน้า

ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอยู่อีก ให้รู้ตัวว่า

ท่านกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากหยุดคิดอย่างมีสติ

ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ

จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร

แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยาก อ้างว้าง โดดเดี่ยว

แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป

ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียน และบทฝึกตัวเองเสมอ

จนกาลเวลาผ่านไป

เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง และด้วยความอดทนถึงที่สุดนี่เอง

เพชรจึงเป็นอัญมณีอันล้ำค่า ควรแก่การประดับมงกุฏของพระราชา

จากอดีต ปัจจุบัน ตลอดไปในอนาคต...



"เพชรแท้ย่อไม่กลัวการพิสูจน์"



บทความโดย วีระยุทธ เล็กตระกู่ล

ดิฉันได้อ่านบทความนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่หลังจากอ่านมัน

ก็ไม่เคยทิ้งมันไปตามยถากรรม

คงเก็บมันไว้และนำมาอ่านทุกครั้งเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง

ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นในบ้านเกิดเมืองนอน

หรือส่วนไหนของโลก ถ้าเรารู้จักใช้สมองอันน้อยนิดในการจดจำ

สิ่งดีๆ ที่ผ่านเข้ามา และนำมันไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร

หรือแม้แต่ใช้เป็นคติสอนใจตัวเอง มันคงจะทำให้ชิ้นส่วนเล็กๆ

ชิ้นหนึ่งบนโลกใบนี้มีความสุขตามอัตตภาพของมัน

มีบทความอีกมากมาย คำสอนอีกเยอะแยะ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

บทเรียนที่ถูกต้อง บทเรียนของความผิดพลาด เราพบเห็นมัน

แต่จะมีสักกี่คนที่นำมันมาเป็นบทสอนตัวเอง และผู้อื่น....

ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่จะให้ตัวเราเองได้ก็คือ การจำและนำไปใช้สอนตัวเอง

เพื่อความสุขของตัวเอง แล้วสิ่งนั้นมันจะเผื่อแผ่ไปถึงคนข้างเคียง

ไม่มาก ก็น้อย....หรือคุณว่าไม่จริง

24.5.09

งานบุญ...งานบวช...





















ชื่อจริง.....ด.ช. ฐากูร บุญมา
ชื่อเล่น.... ลูกหนู
วันเกิด..... 15 มิถุนายน 2531
น้ำหนักแรกเกิด 3500 กรัม
ส่วนสูงแรกเกิด 51 เซ็นติเมตร

ลูก...เป็นความสุขที่เกิดขึ้นหลังจากคน 2 คนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นคนที่เท่าไหร่......
ลูกหนูเป็นลูกคนแรก ฉะนั้นไม่ต้องบอกถึงความตื่นเต้น....
เมื่อรู้ว่าแม่มีเด็กคนนึงดิ้นอยู่ในท้อง...มันเป็นความมหัศจรรย์จริงๆ
แม่รอเวลาที่จะได้เห็นหน้าลูก....
....................................................
เมื่อเห็นหน้าลูกครั้งแรก...แม่คิดแค่ว่า...ลูกต้องเป็นคนดี
ลูกแม่ต้องน่ารัก..ลูกแม่ต้องเก่ง..อิอิ ความหวังขั้นพื้นฐาน
ที่ไม่ว่าใครก็ต้องคิดอย่างนั้น
แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่แม่คิดไว้...


ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ลูกไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง....


เมื่อยามเป็นทารก...ลูกแม่กินนมเก่ง...เลยอ้วนท้วนสมบูรณ์
ถึงขนาดน้ำหนักทะลุกราฟ จนต้องปรึกษาคุณหมอ...
แต่หมอก็บอกว่าไม่ต้องตกใจ เพราะกินนมแม่ไม่เป็นโรคอ้วนแน่ๆ 5555+
ลูกก็เลยได้กินอย่างอิ่มหมีพีมันต่อไป....
พัฒนาการของลูกหนูมีอย่างต่อเนื่องตามวัยอย่างถูกต้อง
แม่ไม่ต้องเปิดตำราใดๆ ทั้งสิ้น เพราะย่าของลูกใช้ตำราแบบโบราณตลอด
สิ่งเดียวที่แม่ไม่เคยห่วงเลย คือลูกมีสุขภาพที่ดีมาก...

ยามศึกษาเล่าเรียน แม้ลูกแม่จะเรียนไม่เก่ง..แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แม่ซีเรียส
เพราะแม่ไม่เคยคิดว่า การเรียนเก่งจะทำให้ดำเนินชีวิตประสบผลสำเร็จเสมอไป
แม่พบสิ่งหนึ่งที่ลูกมีในตัว คือ..ลูกเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก
ไม่ว่าจะเป็นใครลูกสามารถพูดคุยและทำให้คนรักลูกแม่ได้อย่างไม่ยาก
ลูกชอบทำกิจกรรมมากกว่าการอ่านหนังสือ
แม่จึงคิดที่จะส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรม...
เมื่อลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนราชวินิตประถม...
สิ่งแรกที่แม่ได้รับรู้คือ โรงเรียนนี้มีการสอนนาฏศิลป์ แต่ลูกเป็นชาย
แม่จึงให้เรียนโขน..น่าจะดีสำหรับลูก เพราะอย่างน้อยก็คงเป็นกิจกรรม
ยามศึกษาเล่าเรียนที่ลูกจะได้ทำนอกเหนือจากหนังสือที่ลูกไม่ค่อยจะชอบมันนัก 555+
แม่ภูมิใจนะที่ลูกได้แต่งชุดโขน เพื่อไปแสดงกับโรงเรียนตามที่ต่างๆ



















เมื่อยามว่างและมีวันหยุด...แม่ก็พาลูกไปเที่ยวพร้อมกับน้องชายตัวน้อย
เมื่อลูกเข้าโรงภาพยนตร์ครั้งแรก ลูกตลกมากรู้ไม๊..
แม่พาไปดู จูลาสสิคพาร์ก ภาคแรก...ลูกนั่งอยู่บนตักแม่
ตอนนั้นลูกหนูเพิ่ง 5 ขวบ ฉากแรกๆ ที่ลูกทำให้แม่และคนข้างเคียงขำมากคือ
ฉากที่เค้าให้อาหารไดโนเสาร์ที่มองไม่เห็นตัว มีแต่เสียงที่ดังและน่ากลัว
ลูกมีเสียงสั่นเครือและหันมาถามแม่ว่า...เมื่อไหร่จากลับบ้านอ่ะ...
เล่นเอาคนนั่งข้างๆ ขำทีเดียว...แต่หลังจากนั้นไม่นาน ลูกก็สนุกกับ
เจ้าไดโนเสาร์หลายๆ พันธุ์ ที่โลดแล่นอยู่ข้างหน้า....ลูกจะจำได้ไม๊น๊า....
หลายๆ สถานที่ที่ไม่ได้พาไป ลูกดูตื่นเต้นและอยากรู้ไปทุกอย่าง
ทำให้รู้ว่าที่จริงลูกแม่ก็เป็นคนฉลาดนะเนี่ย รู้จักสังเกตุ และใฝ่รู้


























เนื่องจากพ่อของลูกเป็นทหาร และบางครั้งเราจึงต้องไปค่ายทหารกัน
พ่อจึงมักจะพาไปดูการซ้อมของทหารแล้ววันที่ลูกรอคอยก็มาถึง
เมื่อโตพอที่จะถือปืนซ้อมได้ พ่อก็ไม่รีรอที่จะให้ลูกได้ลองถือและยิงมัน

ลูกสนุกกับมันอย่างที่สุด หลายๆ ครั้งที่มีวันหยุดลูกจะขอให้แม่พาไป...
หาพ่อนะแม่ 5555555+ แม้ว่ารู้ว่าวันศุกร์พ่อก็จะกลับ แต่ลูกก็จะไปหาพ่อที่ค่ายทหาร
อยากไปวิ่งเล่นใช่ไม๊ล่ะ...แต่ไม่เป็นไร แม่พาไปได้ ...
"พ่อ..ไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯ นะ เพราะแม่จะไปหาเอง"
สิ่งที่เป็นผลพลอยได้ทุกครั้งคือ ขนมหม้อแกงเมืองเพชรที่ทำให้ลูกและแม่อ้วนขึ้น..อิอิ



































เวลาผ่านไป..ไวเหมือนโกหก...วิถีชีวิตเราต้องห่างกัน เมื่อแม่ไปอยู่ต่างประเทศ
ครั้งแรกที่กลับบ้านเมื่อผ่านไปได้ 2 ปี ลูกชายแม่โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทุกๆ ครั้งที่แม่กลับบ้านลูกชายทั้ง 2 เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม่ภูมิใจมากรู้มั้ยลูก
ตอนที่ลูกเปลี่ยนแปลงมากคือ เมื่อครั้งที่แม่กลับบ้านตอนลูกอายุ 18
ลูกไปรับแม่ที่สนามบิน แม้จนลูกมาถึงตัวและกอดแม่
แม่ยังจำลูกไม่ได้เลย 555555555+
ทำไมใบหน้ากลมๆ ของลูกหายไปไหนเนี่ย...
ลูกกลายเป็นชายหนุ่ม ไม่ใช่เจ้าตัวกลมๆ ของแม่ซะแล้ว แค่ปีเดียว
เปลี่ยนจากเด็กชาย กลายเป็นหนุ่มน้อยวัยต้นๆ ...เฮ้อ...
อีกไม่นานแม่คงต้องมีสถานะเป็น ย่า แน่ๆ 555+
















































แล้ววันที่ลูกบอกแม่ว่า ...แม่หนูจะบวชนะ...
โอ..สมัยนี้ยังมีเด็กชายคิดจะบวชด้วยหรอ..
เอาละเมื่อลูกจะบวชแม่ก็ดีใจ...มันเป็นกุศลของลูกเอง
แม่ก็ยินดีและอนุโมทนานะลูก....
ชีวิตลูกที่ผ่านมาจากวัยเยาว์ จนมาเป็นชายหนุ่ม...
ถือว่า 21 ปีที่ผ่านมาลูกเป็นคนเต็มคนแล้วนะลูก
ต่อไป...คือวิถีชีวิตที่ลูกต้องเลือกเดิน
แม่จะคอยติดตาม เป็นกำลังใจให้
อย่าลืมว่า ลูกจะมีแม่อยู่เบื้องหลัง และ เป็นคนที่รักลูกตลอดไปนะจ๊ะ











































































































































































21.5.09

พ่อ...ผู้จากไป...





















พ่อ...เปรียบ พระ ในบ้านอันร่มรื่น
พ่อ...เปรียบ ผืนแผ่นน้ำอันสดใส
พ่อ...เปรียบเช่นดวงตะวันสาดแสงไกล
พ่อผู้ให้ทุกสิ่งเป็นตัว...เรา...
ถึงวันนี้พ่อเหนื่อยและเมื่อยล้า
ได้เวลานิทราลูกจะเฝ้า
เดินตามรอยพ่อสอนแต่วัยเยาว์
แม้แสนเศร้า..แต่...รักพ่อ...สุดดวงใจ


ลูกชิด...



















.......................................

21 มกรา..11.00 น. เป็นเมืองไทยก็ 6 โมงเย็น ได้โทร.ไปสอบถามอาการพ่อ
หลังจากที่ได้คุยติดต่อกันมา 2 วันเนื่องจากพ่อ ไม่ยอมกินอะไรเลย....
หลานสาวบอกว่า "ตาไปแล้วเมื่อกี้" .... เป็นประโยคสั้นๆ ที่ทำให้น้ำตาไหล
โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่คิดว่าจะเร็ว ยังสั่งให้พี่ต๋อยเข้ากรุงเทพฯ มาดูแลในตอนเช้า
แต่ตกเย็นพ่อก็จากไปอย่างสงบ...
ลูกหว้า..หลานรักเล่าให้ฟังว่า พ่อยอมกินข้าวเย็น ซึ่งทำให้ทุกคนในบ้านสบายใจ
หลังจากนั้นก็นอนหลับไปกับเก้าอี้นอนตัวประจำ พอได้เวลาเข้านอนพี่ติ๋วก็ปลุก
เพื่อจะพาไปอาบน้ำ...แต่...พ่อก็ไม่ยอมลืมตาพร้อมกับลมหายใจที่ไม่รินไหลออก
จากร่างกายเช่นกัน...

ทุกคนเศร้าโศก...นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนที่มีความผูกพันกัน แม้จะไม่ใช่
สายเลือด หากแต่ถ้าร่วมอยู่ในวงจรชีวิตแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้นหรือยาวนานก็ตาม

แต่สำหรับลูกคนหนึ่ง ....
คำว่า เศร้า..คงไม่สามารถคลอบคลุมความรู้สึกที่มีต่อ....พ่อ..ได้
เรายินดีที่ได้ยินว่าพ่อจากไปอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมาน คงเป็นเพราะพ่อเป็นคนดี
เราเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ปรนนิบัติพ่อในช่วงสุดท้ายของชีวิต
..................
ในชีวิตตั้งแต่จำความได้...
ครอบครัวไม่ใช่มีแค่ พ่อ..แม่..และลูกสาวทั้งสาม
พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีพี่น้องของภรรยามีส่วนร่วมในครอบครัวด้วย..
นี่คือครอบครัวแบบไทย...เป็นครอบครัวใหญ่..อบอุ่น มีพี่..มีน้อง..มีความเอื้ออาทร
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน....
พ่อทำงานหนัก..แต่รายได้ทั้งหมดของพ่อ..มีแม่เป็นผู้ดูแล
พ่อเหมือนนกที่ออกไปหากินเพื่อทำรังให้ลูกอยู่อย่างมีความสุข
พ่อรักต้นไม้...นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นได้รับรู้จากบริเวณบ้านที่เขียวขจี
แม่เคยบอกว่าในพี่น้อง 3 คน เราจะได้นิสัยพ่อมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคนเรื่องมาก
ละเอียดถี่ถ้วนกับการทำอะไรสักอย่าง รักต้นไม้ พ่อคงฝันอยากทำสวน เพราะเมื่อ
มีโอกาสได้ซื้อผืนนาเล็กๆ ที่ดอนตูม จ.นครปฐม พ่อก็ไม่รอช้าที่จะย้ายไป
ปลูกกระต๊อบเล็กๆ เพื่อปรับที่ทาง ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกต้นไม้
พ่อกำลังจะสร้างรังอีกรัง...แต่คงเป็นรังที่พ่อรัก เพราะเวลานั้น พ่อไม่มีภาระ
ที่จะต้องหาเงินเพื่อเลี้ยงลูกๆ อีก พ่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการปลูกต้นไม้
ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มะพร้าวน้ำหอม และพืชล้มลุกอื่นๆ แต่พ่อก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง
พ่อปลูกต้นไม้เพื่อลูกหลาน....เพราะไม่ว่าเวลาใดที่เราไปหาพ่อ...
ไม่มีสักครั้งที่จะไม่มีผลผลิตของพ่อกลับบ้าน...
ถ้าไม่มีแม้แต่กล้วยสักเครือ พ่อก็ยังมีกระเพรา พริก มะอึก มะเขือ และที่
เราไม่คาดคิด พ่อทำไม้กวาดทางมะพร้าวให้ลูกใช้....
" ก็ต้นมะพร้าวมันเยอะ " นี่คือคำพูดของพ่อที่บอกกับเรา
แม้แต่เมื่อพ่อแก่มากแล้ว พวกเราให้พ่อกลับมาอยู่กรุงเทพฯ..แต่พ่อก็ยังไม่
เคยหยุดนิ่ง พ่อตกแต่งต้นไม้ที่บ้าน ทำความสะอาดบริเวณบ้าน

" บ้าน " รังน้อยๆ ที่พ่อทำให้พวกเรา เฉพาะตัวบ้านกินเนื้อที่ถึง 35 ตรว.
เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ที่พื้นบ้านชั้นบนเป็นไม้สักแผ่นใหญ่ๆ
แม้จะกินเวลามาถึงวันนี้เกือบ 60 ปี บ้านได้เปลี่ยนรูปทรงไปบ้าง
มันก็ยังเป็นบ้านที่พ่อให้พวกเราไว้...
สมัยเด็กๆ ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก เราจะได้ใกล้ชิดพ่อมาก
ได้เล่น ได้พูดคุยใกล้ชิด แม้กระทั่งเติบใหญ่ เราก็ยังคงได้เล่น
ได้ใกล้ชิดพ่อกว่าพี่ๆ ได้พาพ่อไปเที่ยวทะเล ได้มีโอกาสทำให้พ่อมีความสุข
ถึงเวลานี้ไม่เคยเสียใจ..ไม่เคยผิดหวัง เพราะ..เราได้ใช้เวลาและโอกาส
ที่แม้จะไม่เต็มร้อย แต่เต็มใจให้กับพ่อของเรา
วันนี้แม้จะไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิดพ่อในยามลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
พ่อคงจะรู้ได้ว่า พ่อจะอยู่ในใจและในความรู้สึกของลูกคนนี้ตลอดเวลา


วันที่เห็นหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย....
ลูกภาวนาและขอบุญกุศลทั้งหมดที่ได้ทำในชีวิต...
อุทิศให้แก่พ่อผู้จากไป.....ให้พ่อได้อยู่ในภพภูมิที่มีความสุขสงบด้วยเทอญ....















































































...........................
แสงอาทิตย์สุดท้ายปลายขอบฟ้า
จะลับลาหลีกหายคล้ายกับฝัน
ช่างทอแสงแดงหม่นก่อนจากกัน
คล้ายบอกวันนี้ลาพาเศร้าใจ
แล้วกลับฟื้นคืนใหม่ในวันรุ่ง
ทอแสงรุ้งสลับสายลายเมฆใส
บางครั้งมีลมฝนชื่นฉ่ำใจ
วนเวียนไปทุกวันไม่เว้นวาย
เฉกเช่นแสงรังสีแห่งมนุษย์
เมื่อถึงจุดสุดท้ายแห่งแสงฉาย
เหลือไว้เพียงความดีประดับกาย
ฉากสุดท้ายให้นึกถึงก่อนขึ้นเมรุ
หากมีดีมากมายกว่าร้ายชั่ว
ทุกคนทั่วเขตคามต่างแลเห็น
ประพฤติตามรอยดีไม่ลำเค็ญ
เหมือนกับเป็นลมฝนชะโลมใจ......

10.7.08

ตามล่าหาพระอาทิตย์เที่ยงคืน

ช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี เค้าว่ากันว่าเป็นช่วงที่เราจะสามารถเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ดีที่สุด
แต่ไม่ใช่ใน Reykjavik แน่ๆ... แต่เราก็ได้ภาพแสงสว่างของช่วงเที่ยงคืนได้ในเมืองหลวง
และนี่คือแรงบันดาลใจว่าเราจะต้องตามล่าซักวันก่อนจะพ้นเดือนมิถุนานี้แหละ...




เมื่อได้ภาพในเมืองมาแล้ว..ในที่สุดเราตัดสินใจในวันเกือบสุดท้ายของเดือน
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการทำงานเอาเกือบสี่ทุ่ม เราก็ตัดสินใจว่าวันนี้แหละ...
เราจะตามล่าหาพระอาทิตย์เที่ยงคืน ..
แล้วจะไปไหนดีล่ะ...การจะดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนก็ต้องทางตะวันตกเนอะ
งั้นไปกันเลยเพราะมีเวลาในการขับรถแค่ 2 ชั่วโมง การจะขึ้นถึงเหนือเราจะต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง
เวลามีแค่นี้เราต้องไปทางตะวันตกเท่านั้นที่ใกล้ที่สุด ปะ..ไปด้วยกัน


เราต้องเป็นไกรทองสมัยใหม่ เบิกทะเลเพื่อย่นระยะทาง..อิอิ
อุโมงค์นี้มุดลงใต้ทะเล ระยะทาง 5 กิโลเมตรกว่าๆ (เท่าไหร่ก็ไม่รู้ อิอิ)
ค่าผ่านทางสำหรับรถเล็กๆ อย่างเราก็ 800 โคลนู เท่านั้น แต่ย่นระยะทางได้เยอะมาก


เราเริ่มเก็บภาพเมื่อ 4ทุ่มกว่าๆ แต่ภาพที่ชอบมากคือ ภาพเมฆที่กระจายเหนือยอดเขาลูกนี้
ตลอดเวลาการเดินทางภาพของท้องฟ้าด้านหน้าจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แต่...เราเริ่มรับรู้สิ่งหนึ่งว่าท้องฟ้าที่เห็นเต็มไปด้วยเมฆหนา...
แล้วเราจะมีโอกาสจะเห็นพระอาทิตย์ตอนเที่ยงคืนไม๊เนี่ย..
เพราะคุณเมฆเหล่านี้เธอจะบดบังดวงอาทิตย์ที่เรากำลังตามล่าหาความสวยงามยามเที่ยงคืนซะเท่านั้น...
เรากำลังถึงที่หมายปลายทางแต่...คงต้องขับขึ้นหาที่สูงเผื่อบริเวณนั้นไม่มีเมฆเราคงได้พบเธอ...



ในที่สุดความหวังอันเลือนลางของเราก็หมดลง..เพราะสายฝนที่พรำลงมาคือเครื่องชี้ชะตาว่า...
จบกัน...5555
เราก็เลยต้องหยุดรถและบรรทึกภาพเมื่อเที่ยงคืนว่า...เรายอมจำนนต่อความผิดหวังในวันนี้..
ไม่เป็นไร โอกาสนั้นคงมาถึงเราสักวัน..






28.5.08

สองสาวชวนกันเที่ยว...1

หลังจากคร่ำเครียดกับการทำงานที่ยาวนานนับจากเดือน ม.ค ที่ผ่านมา
เราก็ได้เวลาที่จะต้องละสายตาจากกระทะและชีวิตคนเมืองสักเล็กน้อย
โดยการขอเปลี่ยนเวรวันหยุดกะนายบุ๊คสุดหล่อ..พ่อครัวข้างเตา..อิอิ
ซึ่งมันหมายถึงการทำงานยาวนานในวันอาทิตย์หน้าโดยเราไม่ได้หยุดเลยสักวัน
แต่ก็น่าจะคุ้มค่ากับการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เพราะเราจะออกนอกเมืองไปกับ..น้องปอ..
ว่าแล้วเราก็จัดการไปเช็ครถ..เติมน้ำมัน..หาอาหารรับประทาน..ซึ่งภาระกิจทั้งหมด..
สำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อ 4 โมงเย็นพอดิบพอดี...5555
ปะ..ไปขึ้นรถ..น้องปอ...ของน้า....


พาหนะของเราคือรถโฟล์คจ้ะ...ไม่ใช่เจ้าโตโยต้าตัวเล็กของเรา อิอิ..คนมีรถเยอะก็ดีอย่างนี้แหละ..
เราจะเดินทางในเส้นทาง Golden Circle หมายถึงเส้นทางสำหรับนักเดินทางที่เข้ามาไอซ์แลนด์ต้องไปชม
แต่ว่าเราจะไปกันแค่ 2 คนเท่านั้น ...อิจฉากันไม๊...

เทือกเข้าด้านหน้าคือเขาที่เราต้องผ่านมันให้ได้..อิอิ ก็แค่ผ่านเมืองระริกระรี้ที่เราเคยผ่านลงใต้นั่นเอง
แหม..ทำเป็นจำไม่ได้ 5555


หลังจากผ่านเทือกเขาสูงและเมืองระริกระรี้ได้นิดหน่อย..เราก็ต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อ...เพื่อ...
ไปเที่ยวไง...อิอิ..แต่เอ๊ะทำไมเค้าเลี้ยวกันตรงนี้ล่ะ ไหน..ไหน..ความอยากรู้อยากเห็น..
ก่อตัวอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจเลี้ยวตาม..แหม..ไม่เสียเที่ยว..จำได้แระ 555+
ก็หลุมอุกาบาต...เอ้ย..ไม่ใช่ๆๆ มันเป็นปล่องภูเขาไฟเก่าแก่ที่เคยพ่นลาวาละเลงไว้ซะเต็มพื้นที่บริเวณนี้ไงล่ะ
ปัจจุบันมันเป็นที่ขังน้ำให้เราดูและมายืนอยู่ปากหลุมให้เสียวๆ เล่น อิอิ
แต่..ขอเต๊ะท่าถ่ายรูปซะหน่อยดีกว่า 5555

หลังจากพักเมื่อยไปประมาณ 7 นาที เราก็เดินทางต่อเพราะยังไม่ถึงจุดหมายแรกเลย
นี่เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น อิอิ
ในที่สุด...จ้ะ..ในที่สุดเราก็เจอะเจอแล้ว ...น้ำพุร้อนกีเซอร์...
ความจริงบ่อที่น้ำพุ พุ่งมาอวดทรวดทรงองค์เอวในปัจจุบันเป็นบ่อที่ 2
บ่อแรกอยู่ใกล้ๆ กันแต่เผอิญเธออายุเข้าสู่วัยชราภาพ เนื่องจากอยู่บนเวทีมานานแระ
ก็เลยกลายเป็นตำนาน ปล่อยให้บ่อรุ่นใหม่ขึ้นมาอวดโฉมแทน...
ว่ากันว่าบ่อแรกเธอร้อนแรงกว่าบ่อนี้มากมายนัก ความแรงและทรวดทรงทั้งสูงและอวบกว่า 555+
มาชมเธอแล้วกัน...สวยสมกับการเดินทางจริงๆ แม้ว่าจะเคยมาแล้วหลายครั้ง
แต่คราวนี้ทอดระยะยาวนาน จนเราก็รู้สึกเหมือนการมาครั้งแรกเลย อิอิ
ให้ลูกน้องโผล่มาเต้นรำโชว์ซะ 1 รอบ


และแล้วก็ถึงเวลาของเธอ..ทรวดทรงองค์เอวสมกับเป็นวัยสาวจริงๆ สูงโปร่งและพริ้วบาง
เธอเฉิดฉายมา 2 รอบติดๆ กัน โอว..แม่เจ้าช่างใจดีเช่นนี้ อิอิ



แล้วเราก็มาชมว่าเธอสามารถขึ้นมาโชว์โฉมอันพริ้วสวยได้อย่างไร...5555+ (จะรู้เรื่องไม๊เนี่ย)


การนำเสนอเรื่องน้ำพุตอนนี้เห็นทีจะพอก่อนเพราะเราจะต้องเดินทางต่อจ้ะ ตอนนี้ก็ 5 โมงกว่าๆ แระเดี๋ยวต้องไปอีก 2 ที่เชียวนะ..